พบผลลัพธ์ทั้งหมด 474 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยปราศจากอำนาจของตัวแทน และผลผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ตั้งทนายดำเนินคดีขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นโจทก์ จำเลยที่ 1 กลับไปกรอกข้อความเป็นว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ฟ้อง และทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันด้วยเจตนาฉ้อโกงโจทก์โดยทุจริต เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว ดังนี้กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนกระทำการโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ ทำให้โจทก์เสียหายและจำเลยทั้งสี่กระทำการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามกฎหมายดังกล่าว จะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมซึ่งถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่ เพราะโจทก์เป็นคู่ความในคดีเดิมนั้น จึงต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องคดีใหม่นี้ได้เลย โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยปราศจากอำนาจของตัวแทนและการผูกพันตามคำพิพากษาเดิม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ตั้งทนายดำเนินคดีขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 กลับไปกรอกข้อความเป็นว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ฟ้องและทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันด้วยเจตนาฉ้อโกงโจทก์โดยทุจริต เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ขอให้พิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนกระทำการโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจทำให้โจทก์เสียหายและจำเลยทั้งสี่กระทำการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามกฎหมายดังกล่าว จะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมซึ่งถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่เพราะโจทก์เป็นคู่ความในคดีเดิมนั้นจึงต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องคดีใหม่นี้ได้เลยโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมมีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าและเรียกค่าเสียหายได้
เจ้าของรวมซึ่งทำสัญญาให้จำเลยเช่าฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการเช่าหลังฟ้องคดี: ศาลไม่รับฟังเพื่อวินิจฉัยสิทธิฟ้องร้อง
ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซึ่งผู้ให้เช่าลงลายมือชื่อไว้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว จะนำมาใช้วินิจฉัยสิทธิในการฟ้องร้องของโจทก์ไม่ได้ เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการเช่าหลังฟ้องคดี: ศาลไม่รับพิจารณาในการวินิจฉัยสิทธิฟ้องร้อง การเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่
ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซึ่งผู้ให้เช่าลงลายมือชื่อไว้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว จะนำมาใช้วินิจฉัยสิทธิในการฟ้องร้องของโจทก์ไม่ได้ เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, การรับสภาพหนี้, และอายุความในคดีละเมิด
โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและซอย ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวน เงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปแต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวน เงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปแต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, การรับสภาพหนี้, และอายุความในคดีละเมิด
โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและชอบ ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไป แต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือของวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไป แต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือของวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ป่าใช้ประโยชน์ร่วมกันกว่า 40 ปี ถือเป็นสาธารณสมบัติ แม้มีหนังสือสำคัญฯ นายอำเภอสั่งให้ผู้อยู่อาศัยออกจากที่ดินได้
ที่ป่าซึ่งเป็นดอน ชาวบ้านใช้เลี้ยงสัตว์เก็บฟืนมากว่า 40 ปีเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกันตาม มาตรา 1304(2)แม้โจทก์ได้รับหนังสือสำคัญ นายอำเภอสั่งให้โจทก์ออกจากที่ดินนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนการขาดอุปการะจากสามีที่เสียชีวิตจากละเมิด ศาลกำหนดตามสมควรแก่เหตุ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1453 สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี่ยงดูกัน ดังนั้น เมื่อสามีโจทก์ถูกจำเลยยิงตายโดยละเมิด จำเลยจึงต้องชดใช้ที่โจทก์ขาดไร้อุปการะจากสามี และแม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้แน่นอนว่าค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และได้ยื่นคำขอต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาได้โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เพราะในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับคู่ความที่ร้องขอ
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และได้ยื่นคำขอต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาได้โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เพราะในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับคู่ความที่ร้องขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะจากละเมิด ศาลกำหนดตามสมควรแก่พฤติการณ์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1453 สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกัน ดังนั้น เมื่อสามีโจทก์ถูกจำเลยยิงตายโดยละเมิด จำเลยจึงต้องชดใช้ที่โจทก์ขาดไร้อุปการะจากสามี และแม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้แน่นอนว่าค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และได้ยื่นคำขอต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาได้โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนเพราะในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับคู่ความที่ร้องขอ
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และได้ยื่นคำขอต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาได้โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนเพราะในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับคู่ความที่ร้องขอ