คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แผลง สระวาสี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 20 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกัน อาจทำให้สาธารณชนหลงผิดได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรเล็กน้อย
โจทก์ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC สำหรับสินค้าจำพวก 3 จำพวกเดียวกับเครื่องหมายการค้าคำว่า VIPEXของจำเลยซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อน เครื่องหมายการค้าทั้งสองเป็นคำประดิษฐ์ซึ่งเป็นตัวอักษรโรมัน สองพยางค์ท้ายอ่านออกเสียงหรือเรียกขานเหมือนกันว่า ไวเป๊ก แต่เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีคำว่า TA เพิ่มข้างหน้าอีกพยางค์หนึ่ง แม้ตัวอักษรโรมันที่ประดิษฐ์ขึ้นจะต่างกันก็จริง แต่ประชาชนโดยทั่ว ๆ ไปก็มิได้พิจารณาตัวหนังสือ หากแต่อาศัยฟังจากเสียงตามสำเนียงเรียกขานแม้จะเปลี่ยนแปลงตัวอักษรตัวท้ายจาก X เป็น C สำเนียงที่อ่านก็ยังอ่านอย่างเดียวกัน การที่เพิ่มพยางค์อีกพยางค์หนึ่ง ก็ยังมีคำว่า VIPEC อยู่ บางคนอาจเรียกย่อ ๆ ว่า ไวเป๊ก ก็ได้ โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์สำหรับยาช่วยระงับไอและขับเสมหะส่วนจำเลยใช้สำหรับยาอมแก้ไอและยาทาแก้โรคผิวหนัง การที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า TAVIPEC อาจทำให้เกิดสับสนเข้าใจผิดได้ กล่องและคำอธิบายสำหรับสินค้าจะแตกต่างกันอย่างไรไม่สำคัญ เมื่อจำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์คำว่า VIPEX และจดทะเบียนไว้ก่อนโดยสุจริต โจทก์จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า อันมีถ้อยคำประดิษฐ์ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกันใช้สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน อันอาจทำให้สาธารณชนหลงผิดหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 779/2506 และ 105/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนเงินที่ยังไม่ถูกเพิกถอน ไม่ถือเป็นหลอกลวงเจ้าหน้าที่ธนาคาร แม้ผู้มีอำนาจจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว
จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไปแล้วแต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยังมีชื่อเป็นผู้มีอำนาจถอนเงินของวัดโจทก์จากธนาคารอยู่ โดยยังไม่มีผู้ใดเพิกถอนอำนาจของจำเลยในการถอนเงินและแจ้งไปให้ธนาคารทราบ เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันถอนเงินของโจทก์จากธนาคาร โดยจำเลยมิได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่าจำเลยที่ 1พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เป็นการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพราะเมื่ออำนาจการถอนเงินซึ่งจำเลยมีมาแต่เดิมยังไม่ถูกเพิกถอนการที่จำเลยไปถอนเงิน จึงเป็นการถอนเงินตามที่วัดโจทก์ตกลงไว้กับธนาคาร และการที่จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบเรื่องการถอนเงินนี้ก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนเงินยังไม่ถูกเพิกถอน การถอนเงินจึงไม่เป็นฉ้อโกง แม้ผู้มีอำนาจจะพ้นตำแหน่ง
จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไปแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยังมีชื่อเป็นผู้มีอำนาจถอนเงินของวัดโจทก์จากธนาคารอยู่ โดยยังไม่มีผู้ใดเพิกถอนอำนาจของจำเลยในการถอนเงินและแจ้งไปให้ธนาคารทราบ เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันถอนเงินของโจทก์จากธนาคาร โดยจำเลยมิได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่าจำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เป็นการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เพราะเมื่ออำนาจการถอนเงินซึ่งจำเลยมีมาแต่เดิมยังไม่ถูกเพิกถอน การที่จำเลยไปถอนเงิน จึงเป็นการถอนเงินตามที่วัดโจทก์ตกลงไว้กับธนาคาร และการที่จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบเรื่องการถอนเงินนี้ ก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจควบคุมตัวผู้ประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาลตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 ชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้ต้องหารับสารภาพ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 ลักษณะของผู้ประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาล หาได้จำกัดแต่เพียงกรณีที่เป็นบุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยการกระทำผิดกฎหมายอันเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของชาติเท่านั้นไม่แต่บุคคลที่ประพฤติตนเช่นที่อธิบายไว้ตอนต้นของประกาศดังกล่าวซึ่งนับว่าเป็นภยันตรายแก่ความสงบสุขของประชาชนพลเมืองโดยทั่วไปก็ถือว่าเป็นบุคคลอันธพาล อยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินการตามประกาศนี้ได้
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 เป็นกฎหมายที่มุ่งหมายให้อำนาจแก่พนักงานสอบสวนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีการประพฤติตนเป็นคนอันธพาลได้เป็นพิเศษนอกเหนือไปจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 แต่การที่จะควบคุมบุคคลใดตามประกาศนี้ได้นั้น บุคคลผู้ประพฤติตนเป็นอันธพาลนั้นต้องกระทำการซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมายขึ้น และมีความจำเป็นต้องควบคุมไว้เพื่อสอบสวน กรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับมาในข้อหาว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์และเป็นซ่องโจร และตามทางสืบสวนสอบสวนปรากฏว่าผู้ต้องหานี้เป็นบุคคลอันธพาลด้วย พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจที่จะควบคุมไว้ทำการสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน ตามที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 ข้อ 1 ให้อำนาจไว้ เมื่อการกระทำและคำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้ควบคุมผู้ต้องหานี้เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 90
ผู้ต้องหาถูกจับมาในข้อหาว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์และเป็นซ่องโจรแม้ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์รวม 10 รายแล้ว เมื่อยังอยู่ในระยะเวลา 30 วันนับตั้งแต่วันจับกุมพนักงานสอบสวนก็ยังมีอำนาจควบคุมต่อมาเพื่อสอบสวนในความผิดรายที่รับสารภาพแล้ว และรายอื่นๆ ซึ่งรวมแล้วได้ความว่ามีไม่น้อยกว่า12 ราย ได้ เพราะแม้จะให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนก็ยังจะต้องสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อให้ได้ความชัดแจ้งว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตามที่รับสารภาพหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาอาจมาปฏิเสธในชั้นศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 กรณีบุคคลอันธพาลและข้อหาลักทรัพย์
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 ลักษณะของผู้ประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาล หาได้จำกัดแต่เพียงกรณีที่เป็นบุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยการกระทำผิดกฎหมายอันเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของชาติเท่านั้นไม่ แต่บุคคลที่ประพฤติตนเช่นที่อธิบายไว้ตอนต้นของประกาศดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นภยันตรายแก่ความสงบสุขของประชาชนพลเมืองโดยทั่วไป ก็ถือว่าเป็นบุคคลอันธพาล อยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินการตามประกาศนี้ได้
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 เป็นกฎหมายที่มุ่งหมายให้อำนาจแก่พนักงานสอบสวนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีการประพฤติตนเป็นคนอันธพาลได้เป็นพิเศษนอกเหนือไปจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 แต่การที่จะควบคุมบุคคลใดตามประกาศนี้ได้นั้น บุคคลผู้ประพฤติตนเป็นอันธพาลนั้นต้องกระทำการซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมายขึ้น และมีความจำเป็นต้องควบคุมไว้เพื่อสอบสวน กรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับมาในข้อหาว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์และเป็นซ่องโจร และตามทางสืบสวนสอบสวนปรากฏว่าผู้ต้องหานี้เป็นบุคคลอันธพาลด้วย พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจที่จะควบคุมไว้ทำการสอบสวนได้ไม่เกิน 30 วัน ตามที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 ข้อ 1 ให้อำนาจไว้ เมื่อการกระทำและคำสั่งของพนักงานสอบสวนที่ให้ควบคุมผู้ต้องหานี้เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90
ผู้ต้องหาถูกจับมาในข้อหาว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์และเป็นซ่องโจรแม้ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์รวม 10 รายแล้ว เมื่อยังอยู่ในระยะเวลา 30 วันนับตั้งแต่วันจับกุม พนักงานสอบสวนก็ยังมีอำนาจควบคุมต่อมาเพื่อสอบสวนในความผิดรายที่รับสารภาพแล้วและรายอื่นๆ ซึ่งรวมแล้วได้ความว่ามีไม่น้อยกว่า 12รายได้ เพราะแม้จะให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนก็ยังจะต้องสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อให้ได้ความชัดแจ้งว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตามที่รับสารภาพหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาอาจมาปฏิเสธในชั้นศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่จ่ายน้ำมันเกินจำนวน
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทค้าน้ำมัน มีหน้าที่เพียงจ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้ที่นำใบสั่งจ่ายมายื่นเท่านั้นน้ำมันเก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีผู้อื่นเป็นผู้จัดการ ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองน้ำมัน เมื่อจำเลยจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่ง แล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินนั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่จ่ายน้ำมันเกินจำนวน
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทค้าน้ำมัน มีหน้าที่เพียงจ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้ที่นำใบสั่งจ่ายมายื่นเท่านั้น น้ำมันเก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีผู้อื่นเป็นผู้จัดการ ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองน้ำมัน เมื่อจำเลยจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่งแล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินนั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงปืนขู่เพื่อป้องกันทรัพย์สิน ไม่เจตนาฆ่า และไม่ถือเป็นการยิงปืนโดยใช่เหตุ
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้เสียหายได้กระโดดลงจาก เรือนจำเลยแล้ววิ่งหนีไป จำเลยสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่ เข้ามา ขโมยสัตว์เลี้ยงที่ใต้ถุนบ้าน จึงยิงปืนขู่ไป๑ นัด เช่นนี้ ไม่ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย และการกระทำของจำเลยก็มิใช่การ ยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๖

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงปืนขู่ป้องกันทรัพย์สิน ไม่เข้าข่ายเจตนาฆ่า หรือยิงปืนโดยใช่เหตุ
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้เสียหายได้กระโดดลงจากเรือนจำเลยแล้ววิ่งหนีไป จำเลยสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่เข้ามาขโมยสัตว์เลี้ยงที่ใต้ถุนบ้าน จึงยิงปืนขู่ไป1 นัด เช่นนี้ ไม่ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย และการกระทำของจำเลยก็มิใช่การยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยมีด: พยายามฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย
จำเลยถือด้ามมีดทั้งสองมือ เหวี่ยงฟันผู้เสียหาย 2ครั้งติด ๆ กัน ถูกที่บริเวณศีรษะซึ่งเป็นที่สำคัญ มีบาดแผล 3 แห่งคือ ที่ข้างศีรษะขวาเหนือหูยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ลึกจดกระดูกศีรษะ เย็บ 8 เข็ม ที่ข้างใบหูขวา ยาวประมาณ 6 เซนติเมตรลึกจดกระดูกศีรษะเย็บ 7 เข็ม และที่ใบหูขวาขาด ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร เย็บ 8 เข็ม ลักษณะและขนาดของมีดที่ใช้ฟันเฉพาะตัวมีดยาว 36 เซนติเมตร ด้ามยาว 19 เซนติเมตร ปลายมีดเป็นรูปหัวตัดกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร. ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ตายสมเจตนาจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น หาใช่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายไม่
of 2