คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชุ่ม สุนทรธัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 410 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคำร้องทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ และสิทธิในการฎีกา
การขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ จำเลยไม่มีสิทธิยื่นฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่ให้ทุเลาการบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกสาธารณสมบัติของแผ่นดินและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิด โดยคำพิพากษาคดีก่อนไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
จำเลยเคยฟ้องขับไล่ผู้มีชื่อให้รื้อถอนบ้านออกจากที่ดินตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นลำรางสาธารณะ และศาลได้พิพากษาขับไล่ไปแล้วก็ตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
จำเลยบุกรุกลำรางระบายน้ำสาธารณะอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการละเมิดทำให้กรุงเทพมหานครและหัวหน้าเขตโจทก์เสียหายโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นละเมิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ แม้เคยมีคำพิพากษาในคดีขับไล่อื่น
จำเลยเคยฟ้องขับไล่ผู้มีชื่อให้รื้อถอนบ้านออกจากที่ดินตามที่โจทก์อ้างว่าเป็นลำรางสาธารณะ และศาลได้พิพากษาขับไล่ไปแล้วก็ตาม คำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย
จำเลยบุกรุกลำรางระบายน้ำสาธารณะอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการละเมิดทำให้กรุงเทพมหานครและหัวหน้าเขตโจทก์เสียหาย โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อเจ้าหนี้รู้ถึงภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
บริษัทลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้ชำระบัญชีจึงตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้บางรายที่เป็นผู้ทรงเช็คโดยขอชำระหนี้ 21.2% เพื่อให้คดีอาญาที่เจ้าหนี้ตามเช็คบางรายฟ้องกรรมการบริษัทลูกหนี้เป็นอันระงับไป ดังนี้ เมื่อเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คดังกล่าวรับชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้นโดยรู้ถึงภาระหนี้สินล้นพ้นตัวของบริษัทลูกหนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้รับชำระหนี้โดยสุจริตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114
มาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 10ระบุชัดแจ้งว่ามิได้ห้ามเฉพาะการโอนทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำใดๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วยดังนั้น การชำระหนี้ของบริษัทลูกหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามความหมายแห่งมาตรา ดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างบริษัทลูกหนี้กับเจ้าหนี้ให้เจ้าหนี้คืนเงินที่รับไปและให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าวนับแต่วันศาลสั่งเพิกถอนไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เจ้าหนี้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยโดยมิได้กล่าวว่าให้ชำระตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด ดังนี้ เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ไขเพิ่มความให้ครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลฟ้องจำเลยต่างประเทศ: จำเลยต้องเข้ามาในประเทศไทยเพื่อให้ฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศให้ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของจำเลยที่ 1 คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องหนี้เหนือบุคคลระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยกรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(3)โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 เข้ามาในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาในประเทศไทยเลย แม้จะตั้งบุคคลอื่นเป็นตัวแทนในประเทศไทยในการฟ้องหรือต่อสู้คดี โจทก์ก็ไม่มีสิทธิยื่นฟ้องจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยต่างประเทศในคดีหนี้เหนือบุคคล ต้องมีภูมิลำเนาในไทยหรือเข้ามาในไทยชั่วคราว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศให้ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของจำเลยที่ 1 คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องหนี้เหนือบุคคลระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(3) โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 เข้ามาในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาในประเทศไทยเลย แม้จะตั้งบุคคลอื่นเป็นตัวแทนในประเทศไทยในการฟ้องหรือต่อสู้คดี โจทก์ก็ไม่มีสิทธิยื่นฟ้องจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจากการเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ว.ยกบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ซึ่งในคดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของ ค.และจำเลย ศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของ ค. ซึ่งได้จดทะเบียนยกให้โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่าง ว. และจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่มีผลผูกพันโจทก์คำพิพากษาในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาเดิม: คดีกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านที่เคยพิพาทแล้วย่อมผูกพันคู่ความเดิม
โจทก์จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ว. ยกบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ซึ่งในคดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของ ค. และจำเลยศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของค. ซึ่งได้จดทะเบียนยกให้โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่าง ว. และจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่มีผลผูกพันโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเฉพาะโทษจำเลยบางราย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 6 เดือน ปรับจำเลยที่ 6 เป็นเงิน 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 6 เป็นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน เช่นนี้ จำเลยที่ 5 และที่ 6 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการ通行ทางพิพาท: อนุญาตการใช้ทางสำหรับคน สัตว์ และเครื่องจักรกลเกษตร แต่เว้นรถยนต์
ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิเดินผ่านตามทางพิพาทรวมถึงสัตว์พาหนะและพาหนะอย่างอื่น เว้นแต่รถยนต์ ดังนี้โจทก์นำรถไถนาซึ่งเป็นรถ 2 ล้อ ใช้เครื่องยนต์ สำหรับลากจูงเครื่องอุปกรณ์ไถนาผ่านได้
of 41