คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชุ่ม สุนทรธัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 410 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย บาดแผลเล็กน้อยเข้าข่ายวรรคสองมาตรา 339 และการบังคับชำระค่าปรับจากศาล
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยผู้เสียหายปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เพียงว่า คางข้างขวาบวม ไม่มีเขียว ไม่ช้ำ รักษาหายภายใน 3 วัน เป็นบาดแผลเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง มิใช่วรรคสี่
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนด นั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย การพิจารณาความรุนแรงของบาดแผล และการบังคับชำระค่าปรับ
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยผู้เสียหายปรากฏตามรายงาน การตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เพียงว่า คางข้างขวาบวม ไม่มีเขียว ไม่ช้ำ รักษาหายภายใน 3 วัน เป็นบาดแผลเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองมิใช่วรรคสี่
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนดนั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำเนาเอกสารราชการที่ผู้ทำลงชื่อรับรองและไม่คัดค้าน ศาลรับฟังเป็นพยานได้
เอกสารราชการรายงานผลการสอบสวนผู้รับผิดในเงินของทางราชการที่ขาดไป โจทก์ส่งภาพถ่ายเอกสารนี้โดยนิติกรผู้ทำเอกสารนั้นลงชื่อและเบิกความรับรอง จำเลยก็ไม่คัดค้านความถูกต้องของสำเนานี้ศาลรับฟังเป็นพยานได้โดยไม่ต้องสั่งให้ส่งต้นฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามปล้นทรัพย์: การกระทำไม่สำเร็จ ถือเป็นความผิดฐานพยายาม แม้สร้อยขาดแต่ยังไม่ได้แย่งชิง
จำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายโดยจำเลยได้กระตุกสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่ที่คอสร้อยขาดออกจากกันตกติดอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหายจำเลยยังเอาสร้อยไปไม่ได้จำเลยลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ แม้จะยังไม่สามารถเอาทรัพย์สินไปได้
จำเลยกับพวกอีก 2 คนร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยได้กระตุกสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่ที่คอ สร้อยขาดออกจากกันตกติดอยู่ที่คอเสื้อของผู้เสียหาย จำเลยยังเอาสร้อยไปไม่ได้ จำเลยลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียจากการรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่าขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาเครื่องพิมพ์ดีดเป็นเงิน 1,500 บาทแก่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้ไถ่เครื่องพิมพ์ดีดคืนมาแล้วจากโรงรับจำนำเป็นเงิน 350 บาท เงินค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไปนี้ มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไป เนื่องจากการกระทำผิดรับของโจรของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 จึงไม่พิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่แก่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชดใช้ค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์: ไม่ถือเป็นราคาทรัพย์สินที่สูญเสียไป
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาเครื่องพิมพ์ดีดเป็นเงิน 1,500 บาทแก่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้ไถ่เครื่องพิมพ์ดีดคืนมาแล้วจากโรงรับจำนำเป็นเงิน 350 บาทเงินค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไปนี้มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดรับของโจรของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43 จึงไม่พิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่แก่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์, ขโมยรถ, และความผิดต่อทรัพย์สิน
จ. ใช้จำเลยที่ 1 ไปเอารถยนต์ที่ซื้อจากโจทก์ร่วม 2 คัน จำเลยทั้งสองพบโจทก์ร่วมและภริยานอกบ้าน จำเลยที่ 1 ฉุดโจทก์ร่วมลงจากรถแล้วจำเลยทั้งสองเดินตามโจทก์ร่วมเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วม โดยพลการจำเลยที่ 1 ได้งัดและเอาฆ้อนทุบกระจกหูช้างรถอีกคันหนึ่งงัดแงะสายยูหรือบานพับที่ใส่กุญแจออกจากบานประตูใหญ่ เปิดประตูบ้านแล้วจำเลยทั้งสองช่วยกันเข็นรถออกไป ดังนี้เป็นการที่จำเลยเข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และมีความผิดตามมาตรา 365(2) กับมีความผิดตามมาตรา 309 และ 358 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมเงินไม่ลงวันที่ ไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ หากมีหลักฐานชัดเจนถึงการกู้ยืมและลงลายมือชื่อผู้กู้
แม้ในสัญญากู้ยืมเงินจะไม่ได้ลงวันที่ที่กู้ยืมไว้ แต่ก็มีข้อความชัดเจนว่าผู้กู้ได้กู้เงินไปและได้ลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญไว้แล้ว จึงเป็นหลักฐานการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ผู้ให้กู้ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ไม่มีกฎหมายบังคับ เรื่องแบบการทำสัญญากู้เงินไว้แต่อย่างใด สัญญากู้เงินนี้ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมเงินที่ไม่ลงวันที่ ไม่เป็นโมฆะ หากมีหลักฐานชัดเจนการกู้ยืมและลายมือชื่อผู้กู้
แม้ในสัญญากู้ยืมเงินจะไม่ได้ลงวันที่ที่กู้ยืมไว้ แต่ก็มีข้อความชัดเจนว่าผู้กู้ได้กู้เงินไปและได้ลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญไว้แล้ว จึงเป็นหลักฐานการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ผู้ให้กู้ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ ไม่มีกฎหมายบังคับเรื่องแบบการทำสัญญากู้เงินไว้แต่อย่างใด สัญญากู้เงินนี้ไม่เป็นโมฆะ
of 41