คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชุ่ม สุนทรธัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 410 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินระหว่างการพิจารณาคดี: ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อตกลงได้
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดินก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาคู่ความแถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า "ตกลงกันได้แล้วโดยตกลงกันแบ่งที่ดินคนละครึ่ง โดยจำเลยได้ด้านทิศเหนือ โจทก์ได้ด้านทิศใต้ โจทก์จำเลยตกลงจะไปแบ่งกันเอง และจะแถลงให้ศาลทราบ" ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องอ้างว่าข้อตกลงนั้นทำให้โจทก์เสียเปรียบ เพราะจะได้แต่ที่ดอนซึ่งเป็นป่า ขอให้เรียกจำเลยมาทำความตกลงกันใหม่จำเลยแถลงคัดค้านว่า ข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ดังนี้ ศาลชอบที่จะพิพากษาไปตามข้อตกลงนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เพราะข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมในศาล: ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อตกลงได้ แม้ยังไม่เด็ดขาด
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา คู่ความแถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า'ตกลงกันได้แล้ว โดยตกลงกันแบ่งที่ดินคนละครึ่ง โดยจำเลยได้ด้านทิศเหนือ โจทก์ได้ด้านทิศใต้ โจทก์จำเลยตกลงจะไปแบ่งกันเอง และจะแถลงให้ศาลทราบ'ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องอ้างว่าข้อตกลงนั้นทำให้โจทก์เสียเปรียบ เพราะจะได้แต่ที่ดอนซึ่งเป็นป่า ขอให้เรียกจำเลยมาทำความตกลงกันใหม่จำเลยแถลงคัดค้านว่า ข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ดังนี้ ศาลชอบที่จะพิพากษาไปตามข้อตกลงนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เพราะข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียสภาพป่า
ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงมาแล้วว่า ทางหลวงชนบทตรงที่จับจำเลยได้พร้อมกับไม้ของกลางอยู่ในบริเวณป่าอันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และไม้ของกลางเป็นไม้ที่ถูกตัดจากในป่าสงวนแห่งชาติ การที่จำเลยฎีกาว่าทางหลวงชนบทที่จำเลยถูกจับนั้น มิใช่ป่าสงวนแห่งชาติ และการนำไม้หวงห้ามออกจากป่าหมายถึง การนำไม้ที่มีอยู่หรือขึ้นอยู่ในป่า มิได้หมายความถึงการซื้อไม้ที่มีคนนำมาขายให้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ดังนี้ เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม้ของกลางตัดมาจากป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพของป่านั้นแล้ว การที่จำเลยนำไม้ของกลางออกจากป่าสงวนแห่งชาติซึ่งอยู่ในความหมายของการทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและการนำไม้ออกจากป่าอันเป็นเหตุให้ป่าเสื่อมเสีย
ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงมาแล้วว่า ทางหลวงชนบทตรงที่จับจำเลยได้พร้อมกับไม้ของกลางอยู่ในบริเวณป่าอันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และไม้ของกลางเป็นไม้ที่ถูกตัดจากในป่าสงวนแห่งชาติ การที่จำเลยฎีกาว่าทางหลวงชนบทที่จำเลยถูกจับนั้นมิใช่ป่าสงวนแห่งชาติ และการนำไม้หวงห้ามออกจากป่าหมายถึงการนำไม้ที่มีอยู่หรือขึ้นอยู่ในป่า มิได้หมายความถึงการซื้อไม้ที่มีคนนำมาขายให้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ดังนี้ เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม้ของกลางตัดมาจากป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพของป่านั้นแล้ว การที่จำเลยนำไม้ของกลางออกจากป่าสงวนแห่งชาติซึ่งอยู่ในความหมายของการทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถกรณีขับประมาท และขอบเขตการพิจารณาโทษ
มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 13 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ11 บัญญัติว่าเมื่อผู้ใดฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลมีอำนาจถอนใบอนุญาตขับรถได้และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 4(14) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2508 มาตรา 3 ให้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า ใบอนุญาตขับรถ ให้หมายความว่าใบอนุญาตให้ผู้ขับทำการขับขี่หรือลากเข็นรถหรือรถรางตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถจ้างรถลาก ล้อเลื่อน การจดทะเบียนคนขับรถรางและการขนส่ง ดังนี้ ใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถยนต์ซึ่งนายทะเบียนการขนส่งออกให้แก่จำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งจึงเป็นใบอนุญาตขับรถตามความหมายในพระราชบัญญัติจราจรทางบกเมื่อจำเลยกระทำผิดและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย (ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 66 ที่แก้ไขแล้ว) ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถที่กล่าวนั้นเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถกรณีขับประมาท และการตีความคำว่า 'ใบอนุญาตขับรถ' ตามกฎหมาย
มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 13 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ11 บัญญัติว่าเมื่อผู้ใดฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลมีอำนาจถอนใบอนุญาตขับรถได้และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477มาตรา 4(14) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 3 ให้วิเคราะห์ศัพท์คำว่าใบอนุญาตขับรถให้หมายความว่าใบอนุญาตให้ผู้ขับทำการขับขี่หรือลากเข็นรถหรือรถรางตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถจ้างรถลาก ล้อเลื่อน การจดทะเบียนคนขับรถรางและการขนส่ง ดังนี้ ใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถยนต์ ซึ่งนายทะเบียนการขนส่งออกให้แก่จำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่ง จึงเป็นใบอนุญาตขับรถตามความหมายในพระราชบัญญัติจราจรทางบก เมื่อจำเลยกระทำผิดและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย (ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 66 ที่แก้ไขแล้ว) ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถที่กล่าวนั้นเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจแต่งตั้งทนายความของหุ้นส่วนผู้จัดการ: การแต่งตั้งทนายความของห้างหุ้นส่วน และการระบุผู้แต่งตั้งในใบแต่งทนาย
ซ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนโจทก์ แต่งตั้งให้ ป.เป็นทนายความ แม้ว่าในใบแต่งทนายจะระบุว่า ซ. เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่ ซ. ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้ด้วยแสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายความแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนาย แม้ ป.ผู้รับเป็นทนายจะระบุรับเป็นทนายให้ ซ. โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนโจทก์ซึ่ง ซ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่อาจแปลได้ว่า ป.รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของ ซ. ดังนั้น การที่ ป. ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนโจทก์ จึงหาเป็นการไม่ชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการแต่งตั้งทนายความของหุ้นส่วนผู้จัดการ และความชอบของฟ้องคดีในนามห้างหุ้นส่วน
ซ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนโจทก์ แต่งตั้งให้ ป.เป็นทนายความ แม้ว่าในใบแต่งทนายจะระบุว่า ซ. เป็นผู้แต่งตั้งทนาย แต่ ซ. ได้ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้ด้วยแสดงถึงอำนาจในการแต่งตั้งทนายความแทนห้างหุ้นส่วนโจทก์ไว้แล้ว ส่วนด้านหลังใบแต่งทนาย แม้ ป. ผู้รับเป็นทนายจะระบุรับเป็นทนายให้ ซ. โดยมิได้ระบุถึงห้างหุ้นส่วนโจทก์ซึ่ง ซ. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่อาจแปลได้ว่า ป. รับเป็นทนายในฐานะส่วนตัวของ ซ. ดังนั้น การที่ ป. ลงชื่อเป็นผู้ฟ้องคดีของห้างหุ้นส่วนโจทก์ จึงหาเป็นการไม่ชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายและข่มเหง: ศาลลดโทษคดีฆ่า
ตอนเกิดเหตุผู้ตายเมาสุรา จำเลยไม่เมา เกิดโต้เถียงท้าทายกัน แล้วจำเลยเดินถอยหลังหนี ผู้ตายเดินตาม และใช้มือตบศรีษะจำเลยผู้มีอายุสูงกว่าถึง 5 ปี (จำเลยอายุ 48 ปี) จำเลยห้ามผู้ตายก็ไม่ฟังยังตามจำเลยเข้าไปข่มเหงอีก ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายได้ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนตีและยิงผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง: ศาลลดโทษคดีฆ่าจากการถูกทำร้ายและคุกคาม
ตอนเกิดเหตุผู้ตายเมาสุรา จำเลยไม่เมาเกิดโต้เถียงท้าทายกัน แล้วจำเลยเดินถอยหลังหนีผู้ตายเดินตาม และใช้มือตบศรีษะจำเลยผู้มีอายุสูงกว่าถึง 5 ปี (จำเลยอายุ 48 ปี) จำเลยห้ามผู้ตายก็ไม่ฟังยังตามจำเลยเข้าไปข่มเหงอีก ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายได้ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนตีและยิงผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
of 41