คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม ทันด่วน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 421 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2791/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การกระทำที่ไม่ทำให้สะดุดหยุดนับอายุความ และการออกเช็คซ้ำ
อายุความในคดีอาญานั้นเมื่อเริ่มนับแล้วอายุความก็เดิมเรื่อยไป เว้นแต่กรณีที่ได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริตและศาลสั่งการพิจารณาไว้ จึงจะเริ่มนับอายุความใหม่แต่วันหลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 วรรคสอง
จำเลยออกเช็คให้โจทก์เมื่อเดือนธันวาคม 2517 โจทก์นำเช็คไปรับเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยได้โทรศัพท์ให้โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีอีกครั้งโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2518 กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มารา 95 วรรคสอง จึงเริ่มรับอายุความใหม่ไม่ได้โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาเกินกว่า 3 เดือน นับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก คดีจึงขาดอายุความ และการที่จำเลยแจ้งให้โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีอีกครั้งหนึ่ง ก็มิใช่เป็นการออกเช็ค จะปรับว่าจำเลยกระทำผิดครั้งใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2789/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินตะกาดห่างทะเล ไม่ใช่สาธารณสมบัติ แม้ถูกน้ำทะเลท่วมถึงเป็นครั้งคราว การครอบครองไม่ถือเป็นการสละ
ที่ดินตะกาดห่างชายทะเล 3 เส้น มีที่ดินของผู้อื่นคั่น ในฤดูหนาวน้ำทะเลไหลเข้ามาทางคลองและล้นตลิ่งท่วมที่ดิน ไม่ใช่ที่ดินที่น้ำทะเลท่วมถึงหรือที่ชายฝั่งทะเล ไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ครอบครองอยู่ไม่ได้แจ้งการครอบครอง ไม่ถือว่าสละการครอบครอง เทศบาลเข้าไปอ้างว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับของจำเลยมีผลผูกพัน แม้สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อหนึ่งว่าสัญญาเช่าบ้านพิพาทไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยเช่าบ้านพิพาท จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านกับโจทก์จริง ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญญาเช่าบ้านที่พิพาทอ้างอิงก็ได้เพราะคดีรับฟังได้ตามคำรับของจำเลยอยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติบุคคลต่างชาติฟ้องคดีในไทยได้ แม้ไม่ได้จดทะเบียนในไทย และการไม่ติดอากรแสตมป์หนังสือมอบอำนาจไม่เป็นเหตุ
นิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศอื่น แม้จะไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยก็ฟ้องคดีในศาลไทยได้
แม้ตามภาพถ่ายใบมอบอำนาจของโจทก์ท้ายฟ้อง ซึ่งมอบอำนาจให้ ป. ฟ้องคดีมิได้ปิดอากรแสตมป์ แต่จำเลยให้การในเรื่องใบมอบอำนาจแต่เพียงว่า ผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ ทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสองมิได้บัญญัติว่าโจทก์จะต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจติดมากับฟ้อง เมื่อศาลไม่ได้สั่งให้โจทก์ส่งใบมอบอำนาจเพราะมีเหตุอันควรสงสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 โจทก์จึงไม่ต้องส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจต่อศาล กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติบุคคลต่างชาติฟ้องคดีในไทยได้ แม้ไม่จดทะเบียนในไทย และประเด็นหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
นิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศอื่น แม้จะไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยก็ฟ้องคดีในศาลไทยได้
แม้ตามภาพถ่ายใบมอบอำนาจของโจทก์ท้ายฟ้อง ซึ่งมอบอำนาจให้ ป. ฟ้องคดีมิได้ปิดอากรแสตมป์ แต่จำเลยให้การในเรื่องใบมอบอำนาจแต่เพียงว่า ผู้มอบอำนาจไม่มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ ทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 60 วรรคสอง มิได้บัญญัติว่าโจทก์จะต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจติดมากับฟ้อง เมื่อศาลไม่ได้สั่งให้โจทก์ส่งใบมอบอำนาจเพราะมีเหตุอันควรสงสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 โจทก์จึงไม่ต้องส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจต่อศาล กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบการถูกฟ้อง
การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่บ้านอันเคยเป็นภูมิลำเนาเดิมของจำเลย โดยที่บ้านนั้นปิดใส่กุญแจไม่มีคนอยู่ มา 2-3 ปีแล้ว เพราะถูกเทศบาลขับไล่ กำลังจะรื้อและในที่สุดก็ได้รื้อไป บ้านดังกล่าวจึงมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย การปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่บ้านหลังนั้นจึงเป็นการมิชอบ และมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยไม่ทราบว่า จำเลยถูกฟ้อง กรณีเช่นนี้เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ การ ปิดประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดพิจารณาก็ดี การปิดประกาศที่ศาลแทนการส่งคำบังคับก็ดี ไม่มีผลใช้ได้ จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดี เรื่องนี้เมื่อถูกยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ได้สิ้นสุดลง แล้วมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด15 วัน ตามที่ บังคับไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงมีเหตุสมควร อนุญาตให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ตามที่จำเลยร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2406-2408/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดของเจ้าพนักงานตำรวจที่ข่มขืนใจกรรโชกทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
เจ้าพนักงานตำรวจได้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้มอบเงินแก่ตน 500 บาทโดยกล่าวหาว่าเล่นการพนัน เมื่อผู้เสียหายขอให้เพียง 100 บาทก็ไม่พอใจ ทำร้ายผู้เสียหายและแกล้งจับโดยไม่มีอำนาจนำไปส่งสถานีตำรวจเช่นนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 337 วรรค 2, 309 วรรค 2 และ 295 โดยสำหรับความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 และความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา 337 นั้น ผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นแล้ว แม้จะยอมไม่เต็มตามที่ถูกเรียกร้องก็เป็นความผิดสำเร็จ ส่วนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 148 เพียงแต่ผู้กระทำผิดมีเจตนาจะให้เขาส่งมอบทรัพย์สินให้ ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะไม่ยอมตามนั้นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2406-2408/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจเอาทรัพย์, ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ, กรรโชกทรัพย์, และข่มขืนใจผู้เสียหาย
เจ้าพนักงานตำรวจได้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้มอบเงินแก่ตน 500 บาท โดยกล่าวหาว่าเล่นการพนัน เมื่อผู้เสียหายขอให้เพียง 100 บาทก็ไม่พอใจ ทำร้ายผู้เสียหายและแกล้งจับโดยไม่มีอำนาจนำไปส่งสถานีตำรวจเช่นนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148,337 วรรคสอง,309 วรรคสอง และ295 โดยสำหรับความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 309และความผิดฐานกรรโชกตามมาตรา 337 นั้น เมื่อผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นแล้ว แม้จะยอมไม่เต็มตามที่ถูกเรียกร้องก็เป็นความผิดสำเร็จ ส่วนความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 148เพียงแต่ผู้กระทำผิดมีเจตนาจะให้เขาส่งมอบทรัพย์สินให้ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะไม่ยอมตามนั้นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2392/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องจากสัญญาซื้อขายที่ดิน ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในคดีสัญญาจ้างทำไฟฟ้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้จัดการให้มีไฟฟ้าใช้ในที่ดินที่โจทก์จัดสรร โจทก์จ่ายเงินไปแล้วจึงขอเลิกสัญญาขอคืนเงินและเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ผลแห่งคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์จะมีสิทธิเลิกสัญญาขอคืนเงินตลอดจนได้ค่าเสียหายหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะซื้อที่ดินจัดสรรจากโจทก์ไว้ และถ้าโจทก์ชนะคดีผู้ร้องอาจเสียผลที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าในที่ดินที่ซื้อจากโจทก์ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับผู้ร้อง แต่ก็เป็นผลที่ผู้ร้องมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกร้องจากโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวกับผลแห่งคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลย ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) จึงร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการบังคับคดีตามคำพิพากษา: ต้องแบ่งทรัพย์สินก่อนใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ให้กลับมาเป็นของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง ให้แบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละเท่าๆกัน หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเอง หรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดการให้เป็นไปตามข้อแรกได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายหรือค่าที่ดินให้โจทก์150,000บาท ดังนี้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลได้พิพากษาไว้ คือต้องแบ่งที่ดินพิพาทกันระหว่างโจทก์และจำเลยที่1 ผู้เป็นเจ้าของรวมเสียก่อน ถ้าการแบ่งตกลงกันไม่ได้ก็เอาที่ดินออกขายแบ่งเงินกันตามส่วน จำเลยที่ 1 จะไม่ยอมแบ่งที่ดินให้โจทก์โดยจะเลือกใช้ค่าเสียหายแทนหาได้ไม่
of 43