คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม ทันด่วน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 421 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่งให้กักขัง จำเลยต้องแสดงเหตุผลที่ไม่อาจปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ขอให้จับจำเลยมากักขังไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์จำเลยยังคงโต้เถียงกันอยู่ว่า จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้หรือไม่ ศาลสมควรที่จะไต่สวนให้ข้อเท็จจริงดังกล่าวฟังเป็นยุติเสียก่อนที่จะสั่งยกหรืออนุญาตตามคำร้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของผู้ปกครองต่อการละเมิดของบุตรผู้เยาว์ที่ขับรถโดยประมาทและไม่มีใบอนุญาต
การขับรถยนต์นั้นอาจจะเกิดการละเมิดเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้ เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 อายุ 19 ปี และไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบิดาได้ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์มานานแล้วและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่แต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 2 ต้องไปทำงานและไปราชการต่างจังหวัดเป็นประจำ หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นจากหน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1 ไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปชนรถยนต์โจทก์โดยประมาท อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงิน: การอ้างจำนวนเงินกู้ที่ต่างจากเอกสารไม่มีผลลบล้างสัญญา
การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ 1,000 บาท แต่ทำสัญญากู้ให้ไว้ 7,000 บาท เพื่อป้องกันมิให้ขาดส่งดอกเบี้ยนั้น เป็นเรื่องเต็มใจทำสัญญากู้ให้ไว้เช่นนั้น ไม่มีการใช้อุบายหลอกลวงแต่อย่างใด มาภายหลังจึงกล่าวอ้างขึ้นว่าความจริงกู้เงินกันเพียง 1,000 บาท คำกล่าวอ้างเช่นนี้หาอาจลบล้างหลักฐานเอกสารสัญญากู้ได้ไม่ ไม่ปรากฏชัดว่าเจ้าหนี้ลงจำนวนเงินสูงกว่าความจริง ฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยมีเหตุผลอันสมควร แม้เจ้าของทรัพย์จะปฏิเสธ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดแร่ซึ่งเก็บอยู่ในโกดังของบริษัทโจทก์ และแม้คนของโจทก์จะได้บอกให้จำเลยทราบว่าแร่นั้นมิใช่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ตามแต่จำเลยกระทำไปโดยมีเหตุผลที่สมควรสำหรับบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนอยู่ในบริษัทโจทก์ที่เข้าใจไปได้ว่าแร่ดังกล่าวยังคงเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้จงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกคืนสินสอดเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส
สินสอดที่ฝ่ายชายนำมามอบให้แก่ฝ่ายหญิงในการแต่งงานตามประเพณีนั้น หากชายและหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันโดยไม่ใช่ความผิดของฝ่ายหญิง ฝ่ายชายไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเลิกบริษัท: นิติบุคคลต่างหากจากผู้ก่อตั้ง สัญญาประนีประนอมผูกพันเฉพาะคู่สัญญา
โจทก์ที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ที่ 2 กับ ส. และพวกทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันจะก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีกบริษัทหนึ่ง เพื่อประกอบกิจการเดินรถแทนบริษัทโจทก์ที่ 2 ต่อมา ส. กับพวกได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ เป็นบริษัทจำเลยโดยโจทก์มิได้ร่วมก่อตั้งด้วย ดังนี้ บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ของตนเองต่างหากจากผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท และมิได้เป็นคู่สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยเพื่อขอให้เลิกบริษัทโดยอาศัยข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเลิกบริษัท: นิติบุคคลมีสิทธิและหน้าที่ของตนเอง สัญญาประนีประนอมไม่ผูกพันบริษัท
โจทก์ที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ที่ 2กับ ส. และพวกทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันจะก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีกบริษัทหนึ่งเพื่อประกอบกิจการการเดินรถแทนบริษัทโจทก์ที่ 2ต่อมา ส. กับพวกได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่เป็นบริษัทจำเลยโดยโจทก์มิได้ร่วมก่อตั้งด้วย ดังนี้ บริษัทจำเลยเป็นนิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมายมีสิทธิและหน้าที่ของตนเองต่างหากจากผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัท และมิได้เป็นคู่สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยเพื่อขอให้เลิกบริษัทโดยอาศัยข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานขายยาปลอม ต้องพิสูจน์ได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นยาปลอมตั้งแต่แรก
การปรับบทลงโทษผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510มาตรา 119 วรรคหนึ่ง ต้องปรากฏว่าผู้กระทำได้ขายหรือสั่งเข้ามาโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม ตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม และจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับว่าได้รู้ว่าของกลางเป็นยาปลอมแต่แรก เพิ่งรู้ภายหลังเมื่อได้พิสูจน์แล้วจึงลงโทษจำเลยตามวรรคหนึ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษยาปลอมต้องพิสูจน์ได้ว่าผู้กระทำรู้ว่าเป็นยาปลอม
การจะปรับบทลงโทษผู้กระทำการตามวรรคหนึ่งของมาตรา 119 พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 อันเป็นบทหนัก ต้องปรากฏว่าผู้กระทำได้ขายหรือนำหรือสั่งเข้ามาโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม ตามฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอม และจำเลยก็ไม่ได้ให้การรับว่าได้รู้ว่าของกลางเป็นยาปลอมแต่แรก เพิ่งรู้เมื่อได้พิสูจน์แล้ว จะถือว่าจำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเป็นยาปลอมหาได้ไม่ จึงลงโทษจำเลยตามวรรคหนึ่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ไม่สมบูรณ์แต่แสดงเจตนาโอนการครอบครอง ทำให้ผู้รับโอนมีสิทธิขับไล่
จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทรวมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินที่ตึกพิพาทตั้งอยู่ตีใช้หนี้โจทก์ โดยยอมให้โจทก์เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยขออยู่ในตึกพิพาทต่อไปอีกสองเดือน แม้การโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทจะไม่บริบูรณ์เพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ก็มิได้เป็นโมฆะ การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์เป็นการแสดงเจตนาโอนการครอบครองตึกพิพาทให้โจทก์แล้ว ที่จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของโจทก์ โจทก์มีบุคคลสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้ออกไปจากตึกพิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครองได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2519)
of 43