คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม ทันด่วน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 421 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขัดขืนคำบังคับ: สภาพการบังคับคดีต้องเปิดช่องให้ปฏิบัติได้ การกักขังลูกหนี้ต้องทำได้จริง
โจทก์ชนะคดีจำเลยในเรื่องจำเลยผิดสัญญาได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารเสียเองในที่ดินที่ตกลงมอบสิทธิการก่อสร้างให้ โจทก์แล้วตามสัญญา โดยศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ทำลงในที่ดินนั้นออกไปเสียและมอบที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาคดีถึงที่สุด และศาลได้ออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยจงใจขัดขืนคำบังคับของศาลโดยไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ออกหมายจับและกักขังจำเลยจนกว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ ตามทางไต่สวนได้ความว่าตึกแถวที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนออกไปนั้น มีผู้เข้าอยู่อาศัยโดยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างไปแล้วเป็นส่วนมาก ดังนี้ ถือได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ จะบังคับจำเลยในทางนี้ไม่ได้ การจะจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ลูกหนี้จะต้องอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ แต่ไม่ปฏิบัติ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบังคับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำบังคับที่โจทก์ขอมานั้นได้จำต้องยกคำร้องโจทก์โดยโจทก์ชอบที่จะดำเนินการเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินมีผู้ครอบครอง ย่อมทำไม่ได้หากสภาพไม่เปิดช่อง
โจทก์ชนะคดีจำเลยในเรื่องจำเลยผิดสัญญาได้เข้าทำการก่อสร้างอาคารเสียเองในที่ดินที่ตกลงมอบสิทธิการก่อสร้างให้โจทก์แล้วตามสัญญา โดยศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ทำลงในที่ดินนั้นออกไปเสียและมอบที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา คดีถึงที่สุด และศาลได้ออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยจงใจขัดขืนคำบังคับของศาลโดยไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป ขอให้ออกหมายจับและกักขังจำเลยจนกว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ ตามทางไต่สวนได้ความว่าตึกแถวที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนออกไปนั้น มีผู้เข้าอยู่อาศัยโดยเสียเงินช่วยค่าก่อสร้างไปแล้วเป็นส่วนมาก ดังนี้ ถือได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้ จะบังคับจำเลยในทางนี้ไม่ได้ การจะจับกุมและกักขังลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ลูกหนี้จะต้องอยู่ในฐานะที่จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ แต่ไม่ปฏิบัติ กรณีจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะบังคับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำบังคับที่โจทก์ขอมานั้นได้จำต้องยกคำร้องโจทก์โดยโจทก์ชอบที่จะดำเนินการเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 218 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 การกระทำต้องมีเจตนาจึงเป็นความผิด
ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 นั้น ผู้กระทำต้องมีเจตนาจึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 การกระทำต้องมีเจตนาจึงจะมีความผิด
ความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 นั้น ผู้กระทำต้องมีเจตนาจึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่จากละเมิดหลังมีคำพิพากษาชี้ขาดกรรมสิทธิ์ และการครอบครองปรปักษ์ที่ไม่สมบูรณ์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยตามมูลสัญญาเช่า โดยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นมูลละเมิด โดยอ้างว่าศาลฎีกาได้พิพากษาว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ในคดีอีกเรื่องหนึ่ง จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านอีกต่อไป ประเด็นแห่งคดีทั้งสองเรื่องไม่เหมือนกันโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์โอนที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้จำเลย ว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ผลแห่งคำพิพากษาย่อมผูกพันจำเลยผู้เป็นคู่ความ จำเลยจะอ้างในคดีนี้อีกว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลยหาได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านพิพาท การที่จำเลยอยู่ต่อมาจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์จำเลยเป็นความแย่งกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทกันตลอดมากล่าวคือ พ.ศ. 2509 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย พ.ศ. 2510 จำเลยกลับฟ้องให้โจทก์โอนบ้านพิพาทคืนจำเลย จนปี พ.ศ. 2515 ศาลฎีกาจึงชี้ขาดว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ระหว่างระยะเวลาดังกล่าวการครอบครองบ้านพิพาทของจำเลย หาเป็นการครอบครองด้วยความสงบตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่ จะนับเวลาในช่วงนี้รวมเข้ากับระยะเวลาที่จำเลยครอบครองมาก่อนนั้นเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่หลังมีคำพิพากษาชี้ขาดกรรมสิทธิ์ การครอบครองปรปักษ์ไม่สำเร็จเนื่องจากความขัดแย้งทางกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยตามมูลสัญญาเช่า โดยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นมูลละเมิดโดยอ้างว่าศาลฎีกาได้พิพากษาว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ในคดีอีกเรื่องหนึ่ง จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านอีกต่อไป ประเด็นแห่งคดีทั้งสองเรื่องไม่เหมือนกันโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์โอนที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้จำเลย ว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ผลแห่งคำพิพากษาย่อมผูกพันจำเลยผู้เป็นคู่ความ จำเลยจะอ้างในคดีนี้อีกว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลยหาได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านพิพาท การที่จำเลยอยู่ต่อมาจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์จำเลยเป็นความแย่งกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทกันตลอดมา กล่าวคือ พ.ศ. 2509 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยพ.ศ. 2510 จำเลยกลับฟ้องให้โจทก์โอนบ้านพิพาทคืนจำเลย จนปี พ.ศ. 2515ศาลฎีกาจึงชี้ขาดว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ระหว่างระยะเวลาดังกล่าวการครอบครองบ้านพิพาทของจำเลย หาเป็นการครอบครองด้วยความสงบตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่ จะนับเวลาในช่วงนี้รวมเข้ากับระยะเวลาที่จำเลยครอบครองมาก่อนนั้นเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบังคับศาลย่อมมีผลผูกพัน แม้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะของโจทก์ภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 โดยรื้อถอนโรงเรือนออกไป จำเลยจะยกเอาผลแห่งคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดคำพิพากษาในคดีนี้มาเป็นเหตุให้ศาลงดหรือเพิกถอนคำบังคับเสียหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทการเล่นแชร์: การรับผิดของหัวหน้าวงต่อลูกวงเมื่อลูกวงไม่ชำระเงิน
โจทก์จำเลยและผู้อื่นตกลงเล่นแชร์กัน โจทก์เป็นนายวงมีสิทธิได้เงินจากลูกวงคนอื่นก่อนโดยไม่ต้องประมูลและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ต้องเป็นผู้รวบรวมเงินจากลูกวงเอาไปให้กับผู้ที่ประมูลได้ และผู้ประมูลได้ต้องทำสัญญากู้ให้แก่ลูกวงคนอื่นเป็นประกันการชำระหนี้โดยมอบให้โจทก์ไว้เพื่อเรียกเก็บเงินในภายหลัง เมื่อปรากฏว่าจำเลยประมูลแชร์ได้ ได้รับเงินไปแล้ว และได้ทำสัญญากู้มอบให้โจทก์ไว้แต่ครั้นผู้อื่นประมูลได้ จำเลยไม่ชำระเงินโจทก์ต้องชำระแทนไปโจทก์ก็มาฟ้องเรียกให้จำเลยชดใช้เงินและนำสืบว่ามูลหนี้ตามสัญญากู้เกิดจากการเล่นแชร์มิใช่การยืมเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย และต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง
การกระทำซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย
จำเลยลงภาพวาดมีข้อความกำกับในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และมีสำนักงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยะลากล่าวหาว่ามีการทุจริตในเทศบาล แต่หนังสือพิมพ์ของจำเลยลงข่าวเหตุการณ์และจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ มิได้จำหน่ายเฉพาะในเมืองยะลา และข้อความนั้นไม่มีตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงหรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ทั้งในช่วงระยะปีเศษก่อน มีการโฆษณาภาพและข้อความนั้น เทศบาลเมืองยะลาก็มีการเปลี่ยนคณะเทศมนตรีถึง 7 ชุด คณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้นจึงไม่เป็นผู้เสียหายอันจะฟ้องร้องให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาท - ผู้เสียหาย - อำนาจฟ้อง - การพิจารณาตามบุคคลทั่วไป
ภาพวาดและข้อความที่จำเลยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข้อความตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลา หรืออาจให้เข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ ส.ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาครั้งแรกจนถึงวันเกิดเหตุคดีนี้ เทศบาลเมืองยะลามีคณะเทศมนตรีสับเปลี่ยนกันถึง 7 ชุด มิใช่มีคณะเทศมนตรีชุดนี้เพียงชุดเดียว และในความผิดฐานหมิ่นประมาทอันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายเท่านั้น จึงยังไม่พอถือได้ว่า ส.และคณะเทศมนตรี เมืองยะลาเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้ โจทย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 326,328
of 43