พบผลลัพธ์ทั้งหมด 217 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขสัญญาให้ที่ดินเพิ่มเติมภายหลัง ไม่ผูกพันผู้รับโอน และอายุความทั่วไป 10 ปี
เมื่อเงื่อนไขข้อหนึ่งในสัญญายกที่ดินให้โจทก์ไม่มีผลผูกพันโจทก์ โดยถือว่ามิได้มีข้อสัญญาข้อนี้ต่อกันโจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนออกเสียจากสัญญานั้นได้
สัญญาให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นการยกให้โดยไม่มีมูลค่าตอบแทนใด ๆ ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยมิได้อ้างเหตุผลประกอบว่าทำไมจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ในข้อไหนอย่างไรเป็นข้อตัดฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญายกที่ดินให้โจทก์ไม่เกี่ยวกับการบอกล้างโมฆียะกรรมแต่อย่างไร จึงต้องใช้อายุความทั่วไป มีกำหนด 10 ปี
สัญญาให้ที่ดินซึ่งคู่สัญญาทำขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ใช่เอกสารมหาชนดังเช่นโฉนดที่ดิน แต่เป็นเอกสารสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์ หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคท้าย
สัญญาให้ที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นการยกให้โดยไม่มีมูลค่าตอบแทนใด ๆ ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยมิได้อ้างเหตุผลประกอบว่าทำไมจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ในข้อไหนอย่างไรเป็นข้อตัดฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนเงื่อนไขในสัญญายกที่ดินให้โจทก์ไม่เกี่ยวกับการบอกล้างโมฆียะกรรมแต่อย่างไร จึงต้องใช้อายุความทั่วไป มีกำหนด 10 ปี
สัญญาให้ที่ดินซึ่งคู่สัญญาทำขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ใช่เอกสารมหาชนดังเช่นโฉนดที่ดิน แต่เป็นเอกสารสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างถึงความไม่สมบูรณ์ หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสัตยาบันหนังสือมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีอำนาจฟ้องคดีได้
บริษัทโจทก์มอบอำนาจให้ บ. ฟ้องคดีแทน โดย ส.กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ซึ่งมีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท เป็นผู้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจตามภาพถ่ายท้ายฟ้องซึ่งไม่ได้ประทับตราบริษัทก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ส. ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้สัตยาบันในการที่ บ. ฟ้องคดีแทนบริษัทโจทก์ พร้อมทั้งขอส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจอันมีตราของบริษัทประทับถูกต้องมาด้วย โดยชี้แจงประกอบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องได้เอาฉบับที่ไม่มีตราประทับส่งมาโดยความเข้าใจผิดของ บ. การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีในทางแพ่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็คงให้ถือหลักตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั่นเอง การที่ ส. กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้สัตยาบันการที่ บ. ฟ้องคดีแทนบริษัทโจทก์พร้อมทั้งขอส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจอันมีตราของบริษัทประทับถูกต้องและชี้แจงประกอบด้วย ย่อมเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ซึ่งไม่มีบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด เมื่อพิจารณามาตรา 47 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้ว ศาลชอบที่จะพึงรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวนี้ได้ บ. จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1780/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสัตยาบันหนังสือมอบอำนาจที่ไม่มีตราบริษัท ศาลรับฟังได้หากมีการยืนยันและส่งมอบเอกสารที่ถูกต้อง
บริษัทโจทก์มอบอำนาจให้ บ. ฟ้องคดีแทน โดย ส.กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ซึ่งมีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท เป็นผู้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจตามภาพถ่ายท้ายฟ้อง ซึ่งไม่ได้ประทับตราบริษัทก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ส. ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้สัตยาบันในการที่ บ. ฟ้องคดีแทนบริษัทโจทก์ พร้อมทั้งขอส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจอันมีตราของบริษัทประทับถูกต้องมาด้วย โดยชี้แจงประกอบว่าภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องได้เอาฉบับที่ไม่มีตราประทับส่งมาโดยความเข้าใจผิดของ บ. การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีในทางแพ่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็คงให้ถือหลักตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั่นเอง การที่ ส. กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้สัตยาบันการที่ บ. ฟ้องคดีแทนบริษัทโจทก์พร้อมทั้งขอส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจอันมีตราของบริษัทประทับถูกต้องและชี้แจงประกอบด้วย ย่อมเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ซึ่งไม่มีบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด เมื่อพิจารณามาตรา 47 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้ว ศาลชอบที่จะพึงรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวนี้ได้ บ. จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1780/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาขนย้ายสัตว์เข้าเขตควบคุม – ขั้นเตรียมการ vs. ลงมือกระทำความผิด
จำเลยขนย้ายกระบือโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะ แล้วถูกตำรวจสกัดจับได้ ห่างจากเขตท้องที่อันเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายกระบือตามประกาศของคณะกรรมการฯ เป็นระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร และก่อนหน้าจะถึงเขตควบคุมฯ ยังมีทางแยกไปอำเภออื่นอีกได้ ดังนี้ หากถือว่ามีเจตนากระทำผิดก็ห่างไกลต่อความผิดสำเร็จ ไม่ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิด จัดอยู่ในชั้นเตรียมการเท่านั้น จากพฤติการณ์และเหตุแวดล้อมต่างๆ ไม่พอบ่งชี้ว่ามีเจตนากระทำผิดฐานพยายามขนย้ายกระบือเข้าไปในเขตควบคุมฯ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆในภาวะคับขันพ.ศ.2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2363/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาขนย้ายกระบือเข้าเขตควบคุม: การพิจารณาความผิดสำเร็จในความผิดฐานพยายาม
จำเลยขนย้ายกระบือโดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะ แล้วถูกตำรวจสกัดจับได้ ห่างจากเขตท้องที่อันเป็นเขตควบคุมการเคลื่อนย้ายกระบือตามประกาศของคณะกรรมการ ฯ เป็นระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร และก่อนหน้าจะถึงเขตควบคุม ฯ ยังมีทางแยกไปอำเภออื่นอีกได้ดังนี้ หากถือว่ามีเจตนากระทำผิดก็ห่างไกลต่อความผิดสำเร็จไม่ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิด จัดอยู่ในชั้นเตรียมการเท่านั้นจากพฤติการณ์และเหตุแวดล้อมต่าง ๆ ไม่พอบ่งชี้ว่ามีเจตนากระทำผิดฐานพยายามขนย้ายกระบือเข้าไปในเขตควบคุม ฯ ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆ ในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งโดยรถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นความผิดต่างกรรมกัน ต้องลงโทษทุกกรรม
จำเลยที่ 1 นำรถยนต์อันเป็นเครื่องอุปกรณ์การขนส่งจำนวน3 คันออกวิ่งรับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสาร โดยนำรถยนต์คันหนึ่งซึ่งได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ออกวิ่งทับเส้นทางรถประจำทางในสัมปทานของบริษัทอื่นซึ่งเป็นลักษณะของการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497 มาตรา 14 และนำรถยนต์อีกสองคันซึ่งเป็นรถที่สังกัดอยู่ในสัมปทานรถประจำทางของจำเลยที่ 1 ออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนด อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ดังนี้ รถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การขนส่งของรถแต่ละคันเป็นความผิดต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจากการขนส่งคนโดยสารด้วยรถยนต์หลายคัน โดยแต่ละคันถือเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด
จำเลยที่ 1 นำรถยนต์อันเป็นเครื่องอุปกรณ์การขนส่งจำนวน 3 คัน ออกวิ่งรับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสาร โดยนำรถยนต์คันหนึ่งซึ่งได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะ ออกวิ่งทับเส้นทางรถประจำทางในสัมปทานของบริษัทอื่นซึ่งเป็นลักษณะของการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 14 และนำรถยนต์อีกสองคันซึ่งเป็นรถที่สังกัดอยู่ในสัมปทานรถประจำทางของจำเลยที่ 1 ออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนด อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ดังนี้รถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การขนส่งของรถแต่ละคันเป็นความผิดต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการขอสินบนนำจับในคดีป้องกันการค้ากำไรเกินควร ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพนักงานอัยการไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
คดีที่จำเลยกระทำผิดพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพนักงานอัยการโจทก์ ไม่มีอำนาจขอให้จ่ายสินบนนำจับ เพราะพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรมิได้ระบุให้อำนาจไว้และการจ่ายก็บัญญัติไว้เป็นพิเศษ จะอนุโลมนำบทบัญญัติมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดมาใช้ในกรณีนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อในการบรรทุกสิ่งของยื่นเกินกฎหมาย และความรับผิดของผู้ว่าจ้าง
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 ให้นำท่อน้ำไปทำเกลียว จำเลยที่ 1 จึงขับรถไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 โดยผูกท่อน้ำไว้กับรถของจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 จอดรถอยู่ในช่องทางที่ 3 ซึ่งอยู่ติดกับเกาะกลางถนน โจทก์ขับรถยนต์มาชนท่อน้ำที่ผูกติดกับรถจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้บังโคลนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย และตาทั้งสองข้างของโจทก์พิการ เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเว้น ไม่ทำเครื่องหมายให้ปลอดภัยไว้ท้ายท่อน้ำซึ่งยื่นพ้นออกมาจากท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ถึง 2 เมตร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร และเป็นการประมาทเลินเล่อ ส่วนโจทก์ซึ่งขับรถมาชนท่อน้ำนั้น ได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถในขณะเกิดเหตุพอสมควรแก่พฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการบรรทุกสิ่งของยื่นเกินขนาดและประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ผู้บรรทุกและเจ้าของรถต้องร่วมรับผิด
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 ให้นำท่อน้ำไปทำเกลียว จำเลยที่ 1 จึงขับรถไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2โดยผูกท่อน้ำไว้กับรถของจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 จอดรถอยู่ในช่องทางที่ 3 ซึ่งอยู่ติดกับเกาะกลางถนน โจทก์ขับรถยนต์มาชนท่อน้ำที่ผูกติดกับรถจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้บังโคลนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย และตาทั้งสองข้างของโจทก์พิการ เมื่อพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเว้น ไม่ทำเครื่องหมายให้ปลอดภัยไว้ท้ายท่อน้ำซึ่งยื่นพ้นออกมาจากท้ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1ถึง 2 เมตร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร และเป็นการประมาทเลินเล่อ ส่วนโจทก์ซึ่งขับรถมาชนท่อน้ำนั้นได้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถในขณะเกิดเหตุพอสมควรแก่พฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย