พบผลลัพธ์ทั้งหมด 217 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับมอบอำนาจมีสิทธิเรียงคำฟ้องแทนโจทก์ได้ แม้ไม่ใช่ทนายความ
ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอยู่ในฐานะคู่ความซึ่งมีอำนาจยื่นคำฟ้องได้จึงชอบที่จะเรียงหรือแต่งคำฟ้อง รวมทั้งลงชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนโจทก์ได้ด้วย หาจำต้องมอบอำนาจให้ทนายความเรียงหรือแต่งคำฟ้องให้อีกต่อหนึ่งไม่ ฉะนั้น คำฟ้องของโจทก์ซึ่งผู้รับมอบอำนาจลงชื่อเป็น ผู้เรียงจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2516)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินค้าสำเร็จรูป: หลอดแก้วบรรจุยาและตัวยาผง การประเมินภาษีถูกต้องตามกฎหมาย
หลอดแก้วบรรจุตัวยานั้นอยู่ในสภาพที่อาจอุปโภคได้ทันที โดยไม่จำต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงอย่างใดอีก การตัดและเชื่อมปากหลอดแก้วในการบรรจุยา หาใช่เป็นเรื่องการเปลี่ยนสภาพหลอดแก้วให้เป็นอื่นไปไม่ จึงเป็นสินค้าสำเร็จรูป
ตัวยาผงซึ่งอาจใช้หรือรับประทานได้ทันทีตามขนาดที่กำหนดไว้ แม้ประชาชนจะต้องซื้อภายหลังที่ทำเป็นเม็ดหรือละลายเป็นยาฉีดแล้ว และในการทำยาผงให้เป็นเม็ดจะต้องผสมสิ่งอื่นเพื่อให้มีความเหนียวทำให้ตัวยาเกาะแน่น หรือในการทำยาฉีดต้องเอายาผงไปละลายน้ำก่อนก็ตาม ก็หาได้ทำให้ยาผงนั้นเปลี่ยนแปลงไปไม่ ประชาชนทั่วไปและแพทย์ผู้ใช้ยาผงนั้นกับคนไข้อาจผสมหรือละลายยาผงนั้นเพื่อความสะดวกในการอุปโภคและบริโภคเองได้ถ้าประสงค์ และแม้ไม่ผสมกับสิ่งอื่นหรือละลายน้ำก็ยังอยู่ในสภาพที่อาจอุปโภคและบริโภคได้ทันที จึงต้องถือว่าเป็นสินค้าสำเร็จรูป
ตัวยาผงซึ่งอาจใช้หรือรับประทานได้ทันทีตามขนาดที่กำหนดไว้ แม้ประชาชนจะต้องซื้อภายหลังที่ทำเป็นเม็ดหรือละลายเป็นยาฉีดแล้ว และในการทำยาผงให้เป็นเม็ดจะต้องผสมสิ่งอื่นเพื่อให้มีความเหนียวทำให้ตัวยาเกาะแน่น หรือในการทำยาฉีดต้องเอายาผงไปละลายน้ำก่อนก็ตาม ก็หาได้ทำให้ยาผงนั้นเปลี่ยนแปลงไปไม่ ประชาชนทั่วไปและแพทย์ผู้ใช้ยาผงนั้นกับคนไข้อาจผสมหรือละลายยาผงนั้นเพื่อความสะดวกในการอุปโภคและบริโภคเองได้ถ้าประสงค์ และแม้ไม่ผสมกับสิ่งอื่นหรือละลายน้ำก็ยังอยู่ในสภาพที่อาจอุปโภคและบริโภคได้ทันที จึงต้องถือว่าเป็นสินค้าสำเร็จรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823-2824/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการนำสืบพยานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และสถานที่เกิดเหตุความผิดฐานยักยอก
ในคดีอาญาจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะให้การอย่างใดหรือแม้จะไม่ให้การเลยก็ได้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบพยานก่อนให้เห็นว่าจำเลยเป็นกระทำความผิด จำเลยไม่จำต้องยกประเด็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การก็มีสิทธิที่จะนำสืบในประเด็นนั้น ๆ ได้และจำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลย
ในความผิดฐานยักยอกนั้น สถานที่ที่จำเลยยืมทรัพย์ที่ยักยอกย่อมถือเป็นสถานที่เกิดเหตุในการกระทำผิดด้วย
ในความผิดฐานยักยอกนั้น สถานที่ที่จำเลยยืมทรัพย์ที่ยักยอกย่อมถือเป็นสถานที่เกิดเหตุในการกระทำผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตอบโต้ข้อความใส่ร้ายเพื่อปกป้องชื่อเสียง มิอาจถือเป็นการหมิ่นประมาท
จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วม หนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วมได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่า จำเลยค้างชำระหนี้สินเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ถ่วงเวลาการชำระเงินและมีมารยาทไม่ดีเป็นข้อความที่เห็นได้ว่าอาจเกิดความเสื่อมเสียแก่ฐานะของจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าได้ จำเลยจึงลงพิมพ์โฆษณาข้อความโต้ตอบในหนังสือพิมพ์มีใจความตอนแรกแสดงถึงจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่ามีไม่มาก และต่อมาก็เป็นข้อความว่าโจทก์ร่วม เช่นว่าโจทก์ร่วมมีเจตนาไม่ดี ใช้คำพูดแข็งแกร่ง ไร้เหตุผลเป็นบุคคลต่ำต้อย เหี้ยมเกรียมชั่วร้ายต่อผู้แทน เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ มีวิธีการเลวทรามต่ำช้าไร้มารยาทและไม่มีจรรยาทางหนังสือพิมพ์ ดังนี้ เป็นข้อความที่ตอบโต้เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นได้เข้าใจว่า ผู้ที่กล่าวหาจำเลยเสียหายนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรเชื่อถือ เป็นการกระทำที่ป้องกันความเสียหายของจำเลยโดยตรง และพฤติการณ์ได้เป็นไปโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เฉพาะในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาภายหลังจากโจทก์ร่วมได้โฆษณากล่าวหาจำเลยแล้ว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนตามคลองธรรม จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้ตอบข้อความหมิ่นประมาทเพื่อป้องกันตนเอง ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายหนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วม หนังสือพิมพ์ของโจทก์ร่วมได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความทำนองว่า จำเลยค้างชำระหนี้สินเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ถ่วงเวลาการชำระเงินและมีมารยาทไม่ดีเป็นข้อความที่เห็นได้ว่าอาจเกิดความเสื่อมเสียแก่ฐานะของจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าได้ จำเลยจึงลงพิมพ์โฆษณาข้อความโต้ตอบในหนังสือพิมพ์มีใจความตอนแรกแสดงถึงจำนวนหนี้สินที่ค้างชำระระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่ามีไม่มาก และต่อมาก็เป็นข้อความว่าโจทก์ร่วม เช่นว่าโจทก์ร่วมมีเจตนาไม่ดี ใช้คำพูดแข็งแกร่ง ไร้เหตุผลเป็นบุคคลต่ำต้อย เหี้ยมเกรียมชั่วร้ายต่อผู้แทนเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ มีวิธีการเลวทรามต่ำช้า ไร้มารยาทและไม่มีจรรยาทางหนังสือพิมพ์ ดังนี้ เป็นข้อความที่ตอบโต้เพื่อให้ผู้ที่รู้เห็นได้เข้าใจว่า ผู้ที่กล่าวหาจำเลยเสียหายนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรเชื่อถือ เป็นการกระทำที่ป้องกันความเสียหายของจำเลยโดยตรง และพฤติการณ์ได้เป็นไปโดยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เฉพาะในเรื่องที่จำเลยถูกกล่าวหาภายหลังจากโจทก์ร่วมได้โฆษณากล่าวหาจำเลยแล้ว จึงเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อป้องกันตนตามคลองธรรม จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องเรียกโฉนดที่ดินซ้ำเมื่อศาลเคยวินิจฉัยแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้นำโฉนดที่ดินแปลงหนึ่งมาวางศาล เพื่อให้โจทก์รับไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าโจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ทั้งโจทก์ยังไม่มีสิทธิในโฉนดคงมีแต่สิทธิเรียกร้องบังคับเอาจากผู้ขายที่ดินให้แก่โจทก์เท่านั้น จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์และคดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกเพื่อให้ส่งโฉนดฉบับเดียวกันด้วยความประสงค์อย่างเดิม จึงเป็นกรณีที่คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก และประเด็นวินิจฉัยก็อาศัยเหตุอย่างเดียวกันคือโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยผู้ครองเอกสารส่งโฉนดให้แก่โจทก์ได้หรือไม่ ซึ่งศาลได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคดีในคดีก่อนไว้บริบูรณ์แล้ว ส่วนการบอกกล่าวก่อนฟ้องก็ดี การขอให้เจ้าพนักงานที่ดินเรียกโฉนดจากจำเลยก็ดี หาได้ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องเอาโฉนดจากจำเลยได้ไม่ ทั้งมิใช่ข้อสำคัญแห่งคดี และเป็นเพียงส่วนหนึ่งในประเด็นที่ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยส่งโฉนดให้แก่โจทก์หรือไม่นั่นเองฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมวินิจฉัยแล้วถึงสิทธิเรียกร้องโฉนด การฟ้องใหม่ประเด็นเดิมถือเป็นฟ้องซ้ำ
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้นำโฉนดที่ดินแปลงหนึ่งมาวางศาล เพื่อให้โจทก์รับไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าโจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ทั้งโจทก์ยังไม่มีสิทธิในโฉนดลงคงมีแต่สิทธิเรียกร้องบังคับเอาจากผู้ขายที่ดินให้แก่โจทก์เท่านั้น จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์และคดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกเพื่อให้ส่งโฉนดฉบับเดียวกัน ด้วยความประสงค์อย่างเดิม จึงเป็นกรณีที่คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก และประเด็นวินิจฉัยก็อาศัยเหตุอย่างเดียวกันคือโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยผู้ครองเอกสารส่งโฉนดให้แก่โจทก์ได้หรือไม่ ซึ่งศาลได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคดีในคดีก่อนไว้บริบูรณ์แล้ว ส่วนการบอกกล่าวก่อนฟ้องก็ดี การขอให้เจ้าพนักงานที่ดินเรียกโฉนดจากจำเลยก็ดี หาได้ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆแก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องเอาโฉนดจากจำเลยได้ไม่ ทั้งมิใช่ข้อสำคัญแห่งคดี และเป็นเพียงส่วนหนึ่งในประเด็นที่ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยส่งโฉนดให้แก่โจทก์หรือไม่นั่นเองฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดที่พิพาท: ไม่เป็นประนีประนอม & ผูกพันตามคำชี้ขาด
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท แล้วให้ศาลชี้ขาดตามที่เห็นสมควรโดยคู่ความยินยอมตามที่ศาลชี้ขาดนั้นหาใช่เป็นการตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ไม่ เพราะศาลยังต้องชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีอีกว่าที่พิพาทควรจะเป็นของใครเพียงใด คดีจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 แต่เมื่อศาลตรวจดูที่พิพาทแล้ว เห็นว่า ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นของฝ่ายใด จึงพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วน ให้โจทก์จำเลยได้ฝ่ายละส่วน โจทก์จะอุทธรณ์ว่าที่พิพาทมีลักษณะเหมือนของโจทก์ ควรให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่ เพราะเท่ากับไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของศาลตามที่ตกลงไว้นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเป็นไปโดยมิชอบ ศาลสูงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดข้อพิพาทที่ดินและการไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาด
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท แล้วให้ศาลชี้ขาดตามที่เห็นสมควรโดยคู่ความยินยอมตามที่ศาลชี้ขาดนั้นหาใช่เป็นการตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ไม่ เพราะศาลยังต้องชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีอีกว่าที่พิพาทควรจะเป็นของใครเพียงใด คดีจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 แต่เมื่อศาลตรวจดูที่พิพาทแล้ว เห็นว่า ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นของฝ่ายใด จึงพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วนให้โจทก์จำเลยได้ฝ่ายละส่วน โจทก์จะอุทธรณ์ว่าที่พิพาทมีลักษณะเหมือนของโจทก์ ควรให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่ เพราะเท่ากับไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของศาลตามที่ตกลงไว้นั่นเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นเป็นไปโดยมิชอบ ศาลสูงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435-2437/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากละเมิด, ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้าง, การแก้ไขค่าเสียหาย, และหนี้ร่วม
บทบัญญัติมาตรา 1535 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ว่าบุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดานั้น เป็นบทบัญญัติที่กำหนดหน้าที่ของบุตรไว้ มิใช่เป็นเพียงหน้าที่ในทางศีลธรรมที่บุตรจะปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น เมื่อบุตรถูกทำละเมิดถึงแก่ความตายบิดามารดาย่อมขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย จึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้ตามมาตรา 443
กรณีที่ลูกจ้างถูกผู้อื่นทำละเมิดและนายจ้างได้จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้างอันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวด้วยการจ้างแรงงานอีกส่วนหนึ่งต่างหากนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้มีผลเกี่ยวข้องถึงความรับผิดของบุคคลในการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดจึงยังคงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้น
จำนวนเงินค่าเสียหายในอนาคตที่ศาลกำหนดให้ โจทก์มิได้ขอคิดดอกเบี้ยไว้ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดดอกเบี้ยให้ในเงินจำนวนนี้ ย่อมขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งขึ้นมา ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้
กรณีที่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ซึ่งจำเลยบางคนฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยรับผิดน้อยลง ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาได้ด้วย
กรณีที่ลูกจ้างถูกผู้อื่นทำละเมิดและนายจ้างได้จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้างอันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวด้วยการจ้างแรงงานอีกส่วนหนึ่งต่างหากนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้มีผลเกี่ยวข้องถึงความรับผิดของบุคคลในการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดจึงยังคงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้น
จำนวนเงินค่าเสียหายในอนาคตที่ศาลกำหนดให้ โจทก์มิได้ขอคิดดอกเบี้ยไว้ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดดอกเบี้ยให้ในเงินจำนวนนี้ ย่อมขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งขึ้นมา ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้
กรณีที่เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ซึ่งจำเลยบางคนฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยรับผิดน้อยลง ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาได้ด้วย