คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ศิริ อติโพธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 217 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาโฆษณาทางวิทยุ: การผิดสัญญา, การชำระหนี้, และขอบเขตความรับผิด
จำเลยได้ทำสัญญาก่อสร้างตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงกับกรมการทหารสื่อสารโดยกรมการทหารสื่อสารให้สิทธิแก่จำเลย ในการโฆษณา 8 ปี ในการนี้จำเลยได้ตกลงกับโจทก์ที่ 1 โดยมีข้อสัญญากันว่า ให้โจทก์ที่ 1 ออกเงินลงทุน150,000 บาท และจำเลยในฐานะหัวหน้าสถานีวิทยุตกลงให้สิทธิโจทก์ที่ 1 โฆษณาสินค้าวันละ 2 ชั่วโมง เป็นการตอบแทนมีกำหนด 6 ปี หรือจนกว่าจะหมดสัญญาการก่อสร้างสถานี โจทก์จึงได้มอบเงิน 150,000 บาท ให้จำเลยไปดำเนินการก่อสร้าง เมื่อการก่อสร้างสถานีวิทยุดังกล่าวเสร็จแล้ว โจทก์ที่ 1 มอบให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินการแทนได้โฆษณาสินค้าได้รวม 2 ปีก็ต้องหยุดเนื่องจากทางราชการสั่งห้ามโฆษณา ต่อมาอีกเกือบ 3 ปีทางราชการอนุญาตให้โฆษณาได้อีก ดังนี้ เมื่อทางราชการมิได้สั่งห้ามโฆษณาเป็นการเด็ดขาดตลอดไปอันจะทำให้การชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและกลับอนุญาตให้ออกอากาศโฆษณาได้อีก การชำระหนี้จึงอยู่ในวิสัยจะกลับขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อกันได้ และการที่ทางราชการสั่งห้ามโฆษณา ก็แปลไม่ได้ว่าเป็นการหมดสัญญาก่อสร้างสถานี ทั้งสัญญาที่จำเลยทำไว้กับกรมการทหารสื่อสารนั้น กรมการทหารสื่อสารให้สิทธิแก่จำเลยในการโฆษณาถึง 8 ปี จำเลยจึงยังมีความผูกพันที่จะต้องให้สิทธิแก่โจทก์ออกอากาศโฆษณาต่อไปจนครบ 6 ปี
แม้สัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ที่ 1 นั้นมีว่าจำเลยจะต้องผ่อนชำระเงิน 150,000 บาทคืนโจทก์ภายใน 2 ปี โดยโจทก์ไม่คิดดอกเบี้ยใดๆ แต่ก็มิได้ระบุว่าถ้าไม่ผ่อนชำระคืนตามกำหนด แล้วจะให้คิดดอกเบี้ยต่อกัน และตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าโจทก์มุ่งเอาประโยชน์ตอบแทนจากรายได้จากการออกอากาศโฆษณาสินค้ามากกว่า และเมื่อจำเลยไม่ผ่อนชำระเงินคืนตามกำหนด โจทก์ก็มิได้จัดการประการใด เพิ่งจะบอกกล่าวให้ชำระเงินคืนเมื่อพ้นกำหนดมาหลายปี แต่ก็มิได้กำหนดเวลาให้จำเลยชำระ เพียงแต่เชิญจำเลยไปทำความตกลงกันเท่านั้น ดังนี้ จำเลยจึงยังมิได้ตกเป็นฝ่ายผิดนัด เพราะโจทก์ได้เตือนแล้ว อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาดอกเบี้ย
โจทก์ที่ 2 มิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน แม้โจทก์ที่ 2 จะเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ที่ 1 ด้วยก็ตาม แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1049 ผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใดๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนนั้นหาได้ไม่ โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนและการยกเว้นโทษตามกฎหมายเฉพาะ
จำเลยมีอาวุธปืนเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 ระหว่างฎีกามี พระราชบัญญัติ ฉบับที่ 6พ.ศ.2518 มาตรา 3 ให้นำอาวุธปืนมาขอรับอนุญาตใน 90 วันโดยไม่ต้องรับโทษถือเป็นกฎหมายยกเว้นโทษ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ของกลางไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดโทษจำเลยเยาวชนตามมาตรา 75 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลลงโทษตามมาตรา 339 ต้องลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 คงจำคุก 6 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารเพิ่มเติมและการแปลเอกสารต่างประเทศในคดีแพ่ง
โจทก์ได้ระบุพยานเอกสารเพิ่มเติมก่อนเสร็จการสืบพยานของจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28แต่ในวันที่ 27 เดือนนั้น โจทก์ได้ส่งสำเนาเอกสารเหล่านั้นให้จำเลยในวันที่ 28 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงคัดค้านไม่ให้ศาลรับฟังเอกสารดังกล่าว โจทก์แถลงขอให้ศาลเลื่อนคดีไปเพื่อให้โอกาสจำเลยได้มีเวลาตรวจดูเอกสารหรือศึกษาข้อเท็จจริงจากเอกสารนั้นก่อน จำเลยคัดค้านว่าไม่ควรเลื่อนเพราะเหตุนี้ ศาลให้เลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 เดือนถัดมา ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) หาขัดต่อ มาตรา 90 ไม่
แม้เอกสารดังกล่าวจะเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย ก็เป็นเรื่องที่ศาลเห็นสมควรจะสั่งให้ทำคำแปลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 วรรคสามหรือไม่ เมื่อศาลไม่สั่ง โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องทำคำแปล และศาลรับฟัง เอกสารดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดิน สิทธิฟ้องบังคับสัญญาเป็นโมฆะ
ผู้จะซื้อไม่ไปรับโอนและชำระราคาที่ดินตามกำหนดสัญญาจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับผู้ขายให้โอนขายที่ดินแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางเดินต่อเนื่องเกิน 10 ปี ทำให้เกิดสิทธิ
ผู้ซื้อที่ดินนับเวลาใช้ทางเดินเป็นภารจำยอมรวมกับที่ผู้ขายที่ดินใช้มาก่อนเป็นเวลาเกิน 10 ปี จึงได้สิทธิโดยอายุความได้
ฟ้องขอให้เปิดทางภารจำยอมยาวประมาณ 50 เมตร ได้ความตามแผนที่วิวาทที่ทำในการพิจารณาคดีว่ายาว 56 เมตรศาลพิพากษาให้เปิดทางตามที่พิจารณาได้ความ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261-1262/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนที่นาจากการกู้ยืมเงินและมอบให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ฟ้องเรียกที่นาพิพาทของโจทก์ที่มอบให้ฝ่ายจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้คืน โดยขอชำระเงินที่กู้ยืมจากฝ่ายจำเลยไป มิใช่การฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องการกู้เงินตามความหมายในมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น แม้มิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง และโจทก์มีสิทธินำสืบพยานบุคคลในเรื่องการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าเหตุใดโจทก์จึงมอบที่นาพิพาทให้ฝ่ายจำเลยทำกินได้ เพราะกรณีมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261-1262/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกคืนที่นาที่มอบให้ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ แม้มิมีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีอำนาจฟ้องได้
ฟ้องเรียกที่นาพิพาทของโจทก์ที่มอบให้ฝ่ายจำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้คืนโดยขอชำระเงินที่กู้ยืมจากฝ่ายจำเลยไป มิใช่การฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องการกู้เงินตามความหมายในมาตรา 653 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น แม้มิได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง และโจทก์มีสิทธินำสืบพยานบุคคลในเรื่องการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าเหตุใดโจทก์จึงมอบที่นาพิพาทให้ฝ่ายจำเลยทำกินได้ เพราะกรณีมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 1 และ 2 รวมถึงที่ชายทะเลซึ่งมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใด ไม่ต้องเป็นที่ตาม พระราชบัญญัติแร่ฯ หรือ พระราชบัญญัติป่าไม้ฯจำเลยเข้ายึดถือครอบครองโดยไม่รับอนุญาตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารใช้เงินฝากผิดวัตถุประสงค์เป็นละเมิดต่อเจ้าของเงิน
ส.ม.ฝากเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์แก่ธนาคารในชื่อส. ม. ตั้งแต่ก่อนจดทะเบียน เมื่อจดทะเบียนแล้วธนาคารเอาเงินในบัญชีนี้ใช้หนี้ส่วนตัว ส. โดยโจทก์ไม่ยินยอมและธนาคารทราบแล้วว่าเป็นเงินของโจทก์ เป็นเหตุให้ธนาคารไม่จ่ายเงินตามเช็คของโจทก์ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงดังนี้เป็นละเมิด ธนาคารต้องใช้เงินคืนกับดอกเบี้ยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
ประเด็นเรื่องโจทก์ควรฟ้องหรือร้องขัดทรัพย์ แม้ศาลยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้เองโดยที่ศาลชั้นต้นไม่ได้ตั้งประเด็นไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) แต่ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจดังกล่าวต่อเมื่อมีเหตุอันควร จึงไม่วินิจฉัยในข้อนี้
of 22