คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
รื่น วิไลชนม์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 348 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยหลอกลวงและสิทธิในทรัพย์สินมรดก ศาลพิจารณาการแบ่งสิทธิร่วมในที่ดินพิพาท
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์ที่ 1 กับจำเลยโดยบรรยายข้อเท็จจริงมาในฟ้องเกี่ยวกับเจตนาในการทำนิติกรรมรายนี้ว่า โจทก์ที่ 1 ถูกจำเลยหลอกลวงว่าให้ทำนิติกรรมเสียทีหนึ่งก่อน แล้วค่อยโอนให้โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4ในภายหลัง โจทก์ที่ 1 จึงโอนที่ดินพิพาทให้จำเลยโดยไม่รู้เท่าทันถึงเหตุการณ์ โจทก์ที่ 1 ไม่มีเจตนายกที่ดินพิพาทให้จำเลยแต่เพียงผู้เดียวเป็นฟ้องที่กล่าวโดยชัดแจ้งพอให้จำเลยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว แม้โจทก์จะระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นกลฉ้อฉลและเป็นการแสดงเจตนาลวงอันเป็นการขัดกันก็เป็นการยกเอากฎหมายมาปรับกับข้อเท็จจริงตามความเข้าใจของโจทก์ หาเป็นเหตุที่จะถือว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมไม่
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทจากจำเลยทั้งหมด แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ได้ยกส่วนของตนให้จำเลยไปแล้ว และโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทในฐานะทายาทผู้รับมรดกของ ส. บิดาซึ่งยังมีทายาทอื่นอีก เช่น จำเลย อีกด้วย. เฉพาะส่วนของ โจทก์ที่ 1ในฐานะภริยาของ ส. ซึ่งยกให้จำเลยนั้น ข้อเท็จจริงก็ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่ามีอยู่ครึ่งหนึ่งหรือ 1 ใน 3 ดังนี้ ยังไม่สมควรที่ศาลจะพิพากษาให้แบ่งส่วนในที่ดินพิพาทไปเลย ควรให้โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในโฉนดที่ดินรายพิพาทตามคำขอของโจทก์เท่านั้นฝ่ายใดจะมีกรรมสิทธิ์อยู่เป็นส่วนเท่าใด เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่กันเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่สามารถยกประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ได้ แม้ว่าจะเป็นประเด็นตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยห้ามธนาคารไม่ให้ใช้เงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต ซึ่งมิใช่มูลคดีตามฟ้องของโจทก์ โดยศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่ เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งมิได้ยกปัญหาเรื่องจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คขึ้นอ้างอิงในคำแก้อุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจริงหรือไม่จึงไม่ใช่ปัญหาที่ว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ โจทก์จะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้ามฟ้อง: โจทก์มิอาจยกเหตุใหม่ในฎีกา หากมิได้ยกในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพราะเห็นว่าจำเลยห้ามธนาคารไม่ให้ใช้เงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต ซึ่งมิใช่มูลคดีตามฟ้องของโจทก์ โดยศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่ เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งมิได้ยกปัญหาเรื่องจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คขึ้นอ้างอิงในคำแก้อุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจริงหรือไม่จึงไม่ใช่ปัญหาที่ว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ โจทก์จะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดมาตรา 151 และ 147: การแสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ vs. การยักยอกทรัพย์
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ก็ต่อเมื่อ ผู้กระทำผิดมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้น โดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นเท่านั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาของเทศบาล ได้ติดตั้งการใช้น้ำประปาให้ ส. กับพวก แล้วไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปา เรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริง แล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด และโจทก์บรรยายฟ้องเจาะจงว่าจำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการประปาของเทศบาลที่จำเลยรับไว้จาก ส. กับพวก ไว้เป็นประโยชน์ส่วตัว โดยทุจริต ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 151 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน: ต้องมีหน้าที่จัดการทรัพย์โดยตรง ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้อง
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151ก็ต่อเมื่อผู้กระทำผิดมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้นโดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นเท่านั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาของเทศบาล ได้ติดตั้งการใช้น้ำประปาให้ ส. กับพวกแล้วไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปาเรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริงแล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด และโจทก์บรรยายฟ้องเจาะจงว่า จำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการประปาของเทศบาลที่จำเลยรับไว้จาก ส. กับพวก ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยทุจริต ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 151 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657-1658/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็คเริ่มต้นนับจากวันที่ลงในเช็ค การลงวันที่โดยผู้ทรงเช็คชอบด้วยกฎหมาย
อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนด หรือวันที่ลงในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 หาใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบเช็คไม่
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลัง เมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไร ก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657-1658/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็คเริ่มต้นนับจากวันที่เช็คถึงกำหนดหรือลงวันที่ ผู้ทรงเช็คลงวันได้แม้เช็คไม่ได้ลงวันที่
อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนด หรือวันที่ลงในเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002หาใช่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบเช็คไม่
การที่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ลงวันสั่งจ่ายในเช็คเสียเอง เพราะเช็คนั้นไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเอาไว้และเหตุที่ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายไว้ ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเจตนาของผู้ทรงเช็คกับผู้สั่งจ่ายที่จะเว้นไว้เพื่อให้ผู้ทรงเช็คไปลงเอาเองในภายหลังเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อจำกัดในเรื่องวันสั่งจ่ายที่ผู้ทรงเช็คจะลงอย่างไรก็ต้องถือว่าผู้ทรงเช็คจะลงวันไหนก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้องได้
เมื่อข้อความในฟ้องของจำเลยที่โจทก์กล่าวหาในคดีนี้ว่าเป็นฟ้องเท็จ มีข้อความยืดยาว มิได้เป็นเท็จไปทั้งหมดและโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยฟ้องกล่าวหาโจทก์กระทำผิดนั้น เป็นเท็จอย่างไร ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่พอจะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องที่ไม่ชัดเจน ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา ฟ้องจึงไม่พอรับ
เมื่อข้อความในฟ้องของจำเลยที่โจทก์กล่าวหาในคดีนี้ว่าเป็นฟ้องเท็จ มีข้อความยืดยาว มิได้เป็นเท็จไปทั้งหมดและโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยฟ้องกล่าวหาโจทก์กระทำผิดนั้น เป็นเท็จอย่างไร ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่พอจะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง: การโต้แย้งข้อเท็จจริงโดยไม่ให้เหตุผล ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาสรุปการฟังข้อเท็จจริงของศาลล่างทั้งสองและว่าข้อเท็จจริงเช่นนี้ไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องโดยมิได้ให้เหตุผลและข้ออ้างอิง ว่าทำไมจึงไม่ผิดเพื่อเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 35