พบผลลัพธ์ทั้งหมด 486 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1838/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองไม่ใช่เงื่อนไขการเสียสิทธิ การครอบครองก่อนกฎหมายใช้บังคับมีผล
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5บัญญัติให้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแจ้งการครอบครองไว้ เพื่อที่รัฐจะทราบว่าผู้ใดมีสิทธิครอบครองในที่นั้นๆ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่แจ้งการครอบครองแล้ว ผู้ครอบครองที่ดินจะเสียไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่มีอยู่ก่อนนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1838/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแจ้งการครอบครองไม่ใช่เงื่อนไขการสูญเสียสิทธิเดิม
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแจ้งการครอบครองไว้เพื่อที่รัฐจะทราบว่าผู้ใดมีสิทธิครอบครองในที่นั้น ๆ ไม่ใช่ว่าถ้าไม่แจ้งการครอบครองแล้ว ผู้ครอบครองที่ดินจะเสียไปซึ่งสิทธิการครอบครองที่มีอยู่ก่อนนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัมปทานเดินรถทับซ้อน: การอนุญาตเดินรถของจังหวัดไม่ถือเป็นการแข่งขันละเมิดสิทธิสัมปทานของกรมขนส่ง
โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งให้ทำการขนส่งเดินรถยนต์โดยสารประจำทางตามพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497 ในเส้นทางสายที่ 1343 จากชัยภูมิ - ห้วยชัน ต่อมาจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์โดยสารในเส้นทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดง ทับเส้นทางเดินรถยนต์ประจำทางของโจทก์ตั้งแต่ตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิถึงทางแยกหน่วยขยายพันธุ์พืชชัยภูมิเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร รองอธิบดีกรมการขนส่งยืนยันว่าเส้นทางที่อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางนั้นอาจจะทับกันเป็นบางตอนหรือทับกันตลอดสายก็ได้ เส้นทางที่โจทก์จำเลยเดินรถยนต์ประจำทางทับกันบางตอนจึงเป็นทางร่วม ต่างมีสิทธิที่จะเดินทางเดียวกันได้ เมื่อทางจังหวัดตั้งกรรมการพิจารณาเรื่องราวให้สัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดง โจทก์เองก็ยื่นเรื่องราวขออนุญาตพร้อมกับจำเลยและบริษัทอื่นแต่คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ได้รับสัมปทานทั้งเส้นทางสายนี้ก็เป็นทางหลวงจังหวัด อยู่ในความควบคุมดูแลของจังหวัดชัยภูมิ มิใช่ทางที่กรมการขนส่งประกาศเป็นเส้นทางของกรมการขนส่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์ประจำทางในเส้นทางสายนี้ได้ แม้จะทับเส้นทางซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาตเป็นบางตอน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการแข่งขันกับโจทก์การที่จำเลยนำรถยนต์โดยสารเข้าวิ่งรับส่งคนโดยสารตามที่ได้รับอนุญาตจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตเดินรถทับซ้อนกันทางหลวงจังหวัด ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิสัมปทาน
โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งให้ทำการขนส่งเดินรถยนต์โดยสารประจำทางตามพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497 ในเส้นทางสายที่ 1343 จากชัยภูมิ - ห้วยชันต่อมาจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์โดยสารในเส้นทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดง ทับเส้นทางเดินรถยนต์ประจำทางของโจทก์ตั้งแต่ตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิถึงทางแยกหน่วยขยายพันธุ์พืชชัยภูมิ เป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร รองอธิบดีกรมการขนส่งยืนยันว่าเส้นทางที่อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางนั้นอาจจะทับกันเป็นบางตอนหรือทับกันตลอดสายก็ได้. เส้นทางที่โจทก์จำเลยเดินรถยนต์ประจำทางทับกันบางตอนจึงเป็นทางร่วม ต่างมีสิทธิที่จะเดินทางเดียวกันได้. เมื่อทางจังหวัดตั้งกรรมการพิจารณาเรื่องราวให้สัมปทานเดินรถยนต์ประจำทางสายชัยภูมิ - หนองบัวแดงโจทก์เองก็ยื่นเรื่องราวขออนุญาตพร้อมกับจำเลยและบริษัทอื่น แต่คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้จำเลยผู้เดียวเป็นผู้ได้รับสัมปทาน ทั้งเส้นทางสายนี้ก็เป็นทางหลวงจังหวัด อยู่ในความควบคุมดูแลของจังหวัดชัยภูมิ มิใช่ทางที่กรมการขนส่งประกาศเป็นเส้นทางของกรมการขนส่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดชัยภูมิให้เดินรถยนต์ประจำทางในเส้นทางสายนี้ได้ แม้จะทับเส้นทางซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาตเป็นบางตอน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการแข่งขันกับโจทก์การที่จำเลยนำรถยนต์โดยสารเข้าวิ่งรับส่งคนโดยสารตามที่ได้รับอนุญาตจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบ แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลย ซึ่งอายุเกิน 20 ปีได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหมายศาลโดยบุคคลอื่นแทนทนายความ ถือว่าจำเลยได้รับหมายโดยชอบแล้ว แม้จะไม่ได้แจ้งให้ทนายความทราบ
พนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย บุคคลในสำนักงานทนายความของทนายจำเลยซึ่ง อายุเกิน 20 ปี ได้รับหมายนัดไว้แทนทนายจำเลยต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้ จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวแล้ว จำเลยจะมาขอให้มีการพิจารณาใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามิได้ จงใจขาดนัด เพราะบุคคลที่รับหมายไว้แทนมิได้บอกให้ทราบ หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดินต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างโจทก์จำเลย การบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นไม่ถือเป็นข้อโต้แย้ง
ฟ้องโจทก์ได้ความแต่เพียงว่า เขตที่ดินตามโฉนดที่1498 ของจำเลยไม่ถึงหลักเขตที่ปรากฏอยู่ และไม่ถึงเขตสุขาภิบาลใช้เป็นจุดวัดทางสาธารณะ การใช้จุดวัดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การรังวัดจากหลักเขตดังกล่าวรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ ทำให้ทางสาธารณะที่คั่นอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยร่นเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นอันมีผลให้กระทบกระเทือนถึงที่ดินของโจทก์ หาได้มีข้อความที่เกี่ยวกับจำเลยว่าได้กระทำการอันใดที่ทำให้ทางสาธารณะเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียหายไม่ ต้องถือว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิระหว่างโจทก์จำเลยก่อน หากไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
ฟ้องโจทก์ได้ความแต่เพียงว่า เขตที่ดินตามโฉนดที่1498ของจำเลยไม่ถึงหลักเขตที่ปรากฏอยู่ และไม่ถึงเขตสุขาภิบาลใช้เป็นจุดวัดทางสาธารณะ การใช้จุดวัดดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้องเป็นเหตุให้การรังวัดจากหลักเขตดังกล่าวรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ ทำให้ทางสาธารณะที่คั่นอยู่ระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยร่นเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการบรรยายถึงการกระทำของบุคคลอื่นอันมีผลให้กระทบกระเทือนถึงที่ดินของโจทก์ หาได้มีข้อความที่เกี่ยวกับจำเลยว่าได้กระทำการอันใดที่ทำให้ทางสาธารณะเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียหายไม่ต้องถือว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ยึดพืชผล: ศาลฎีกาพิพากษายืนคำสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ เนื่องจากผู้ร้องพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงยึดพืชผลที่จำเลยปลูกในที่ดินนั้นที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่าที่ดินที่ปลูกพืชผลเป็นของผู้ร้องมิใช่ที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ หาเป็นประเด็นในคดีร้องขัดทรัพย์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันมีอายุจำกัด ความรับผิดของผู้ค้ำประกันสิ้นสุดเมื่อพ้นระยะเวลาค้ำประกัน แม้จำเลยที่ 1 จะผูกพันจำเลยที่ 2 ไว้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจะชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1ในเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ในระหว่างระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกัน เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ภายหลังระยะเวลาดังกล่าว โจทก์ก็ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันไม่ได้