พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อจ่ายเงินที่สาขา แม้ทำผิดที่สำนักงานใหญ่ อายุความไม่ขาด ฟ้องถูกศาล
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อ และออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนำดร๊าฟท์นั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารสาขาจ่ายเงินให้ตามดร๊าฟท์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743-1744/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสและการเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายในกรณีไม่มีกฎหมายจดทะเบียน
คนจีนแต่งงานกันในประเทศจีน ซึ่งในขณะนั้นไม่มีกฎหมายให้จดทะเบียนสมรส เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย บุตรที่เกิดจากสามีภริยานี้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้ามหรือไม่ เมื่อประเด็นต่างกัน: สิทธิเรียกร้องค่าแชร์ที่ยังไม่ถึงกำหนด vs. ถึงกำหนดชำระ
คดีก่อน โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม 2515 รวม 2 งวดเป็นเงิน 4,000 บาท ขณะนั้นเงินค่าแชร์ทั้งสองงวดยังไม่ถึงกำหนดชำระ ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มาฟ้องเรียกไม่ได้ คดีถึงที่สุด คดีหลังโจทก์มาฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนดังกล่าว ซึ่งถึงกำหนดที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์แล้ว ดังนี้ คดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ ที่ยังไม่ถึงกำหนดหรือไม่ คดีหลังมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ ดังกล่าวที่ถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้ามหรือไม่เมื่อประเด็นเปลี่ยนจากการเรียกร้องหนี้ยังไม่ถึงกำหนดเป็นการเรียกร้องหนี้ที่ถึงกำหนดชำระแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม2515 รวม 2 งวดเป็นเงิน 4,000 บาท ขณะนั้นเงินค่าแชร์ทั้งสองงวดยังไม่ถึงกำหนดชำระ ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มาฟ้องเรียกไม่ได้ คดีถึงที่สุด คดีหลัง โจทก์มาฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนดังกล่าวซึ่งถึงกำหนดที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์แล้ว ดังนี้ คดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าแชร์ที่ยังไม่ถึงกำหนดหรือไม่ คดีหลังมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าแแชร์ดังกล่าว ที่ถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนไต่สวนคำร้องคืนของกลาง: ศาลพิจารณาเหตุผลและความไม่คัดค้านของโจทก์
ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งให้ริบในข้อหากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องและพยานไม่มาศาลโดยไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ขอเลื่อนการพิจารณาไปสัก 3-4 วัน โจทก์แถลงไม่คัดค้าน ดังนี้ เป็นการขอเลื่อนครั้งแรกเพียง 3-4 วัน ทั้งโจทก์ก็ไม่คัดค้าน ส่วนการที่ผู้ร้องและพยานไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทนายผู้ร้องทราบนั้น จะถือเป็นความผิดของผู้ร้องไม่ได้ ประกอบกับเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า และผลของการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อโจทก์เข้าแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าของจำเลยไว้เพื่อตนเองแสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปรปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้วการแย่งการครอบครองจะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่ไม่สำคัญสำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของเมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า 1ปีจำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าโจทก์บุกรุกและยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่พิพาทหาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลยศาลยกอายุความครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลยศาลยกอายุความครอบครองด้วยอำนาจปรปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า และการได้มาซึ่งสิทธิโดยอายุความครอบครอง (ปรปักษ์)
เมื่อโจทก์เข้าแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าของจำเลยไว้เพื่อตนเอง แสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปกปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้วการแย่งการครอบครอง จะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่มีสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของ เมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า 1 ปี จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าโจทก์บุกรุกและยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่พิพาท หาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่ เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลย ศาลยกอายุความครอบครอบด้วยอำนาจปกปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลย ศาลยกอายุความครอบครอบด้วยอำนาจปกปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบสันดานเด็กเกิดหลังการสมรสโดยไม่จดทะเบียน และการพิสูจน์ความเป็นบุตร
ชายกับหญิงแต่งงานอยู่กินกันตามประเพณีโดยไม่จดทะเบียนสมรสเมื่อสามีคนก่อนตายได้ 3 เดือน มีเด็กเกิดหลังสามีคนก่อนตาย 1 ปีเศษหลังจากอยู่กินกับชายคนใหม่ 9 เดือน ไม่ขัดต่อ มาตรา 1519,1521 ชายตายก่อนเด็กเกิด 1 เดือน หญิงมารดาเด็กร้องขอและศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลกรณีทุนทรัพย์ที่ฟ้องแย้งสูงกว่าจำนวนที่ศาลพิพากษา ชี้เจตนาจำเลยสำคัญ
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายแพ้คดีชดใช้เงินหรือแย่งทรัพย์ให้แค่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงิน หรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้อง หรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลในคดีฟ้องแย้ง: พิจารณาเจตนาตั้งทุนทรัพย์สูงหรือไม่ เพื่อตัดสินชดใช้ค่าขึ้นศาลตามจำนวนที่พิพากษาหรือไม่
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้เงินหรือแบ่งทรัพย์ให้แก่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงินหรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้องหรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาของคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาทศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว