คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล วัลยะเพ็ชร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในเช็คของหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด และอำนาจกรรมการลงลายมือชื่อ
จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยมูลหนี้อะไร และโจทก์ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ดังที่จำเลยให้การตัดฟ้อง จำเลยกลับอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์มิได้นำสืบถึงการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายหรือนำสืบถึงมูลหนี้เช็คตามฟ้อง จึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่บริษัทโจทก์จดทะเบียนว่า กรรมการสองนายมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท หมายความว่า กรรมการ 2 คน ไม่ว่าชายหรือหญิงร่วมกันลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยจึงต้องรับผิดตามเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077 (2), 900

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177-186/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัคคีภัยทำให้สัญญาเช่าระงับ แม้ผู้เช่าซ่อมแซมและอยู่อาศัยต่อ ก็ไม่ทำให้สัญญากลับมามีผล
สัญญาเช่าห้องมีว่า ถ้าเกิดอัคคีภัย สัญญาเช่าระงับเมื่อไฟไหม้ชั้นบนและไหม้ครัว บันไดและฝาเสียหายมากต้องใช้สังกะสีมุงหลังคาป้องกันฝน ถือว่าสัญญาระงับการที่ผู้เช่าซ่อมแซมใช้อยู่อาศัยต่อมาไม่ทำให้สัญญาเช่ากลับมีผลขึ้นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177-186/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัคคีภัยทำให้สัญญาเช่าระงับสิ้นสุด แม้มีการซ่อมแซมก็ไม่ฟื้นคืนสภาพ
จำเลยทั้ง 10 สำนวนทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากโจทก์คนละห้อง มีข้อสัญญาว่าถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัย สัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง เมื่อปรากฏว่าห้องเช่าถูกไฟไหม้ โดยหลังคาและเพดานห้องเช่าทั้ง 10 ห้องถูกไฟไหม้หมด เว้นแต่เพดานห้องที่ ป. จำเลยเช่าถูกไฟไหม้ไปครึ่งห้อง ฝาห้องเช่าชั้นบนแต่ละห้องถูกไฟไหม้เสียหายเป็นส่วนมาก ส่วนชั้นล่างไฟไหม้ห้องครัว ฝา และบันไดหมดบางห้อง และบางห้องไฟไหม้เกรียงจนจำเลยแต่ละคนต้องใช้สังกะสีมุงหลังคาและซ่อมแซมห้องเช่าเพื่อป้องกันฝนตกลงมาเปียก จึงใช้เป็นที่อยู่อาศัยต่อไปได้ ดังนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ห้องเช่าดังกล่าวถึงขนาดที่เรียกว่าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยแล้วตามสัญญา ฉะนั้น สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามข้อสัญญา และเมื่อสัญญาระงับไปแล้วแม้จำเลยแต่ละคนจะซ่อมแซมห้องเช่าใช้เป็นที่อยู่อาศัยต่อมาอีก ก็หาทำให้สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยแต่ละคนกลับมีผลบังคับต่อไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำ: การขาดรายละเอียดเวลากระทำผิดทำให้ฟ้องไม่ถูกต้อง และไม่อาจฟ้องซ้ำได้
เวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์ต้องกล่าวในฟ้อง และเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำเมื่อศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนเพราะฟ้องโจทก์ไม่ระบุเวลากระทำผิด จึงได้ชื่อว่าได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยอีก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1576/2495)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำ: เวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญในฟ้อง หากศาลยกฟ้องเพราะขาดรายละเอียดนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องซ้ำ
เวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์ต้องกล่าวในฟ้อง และเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำ เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องคดีก่อนเพราะฟ้องโจทก์ไม่ระบุเวลากระทำผิด จึงได้ชื่อว่าได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยอีก (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1576/2495)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียสัญชาติไทยโดยสมัครใจของบุคคลเกิดในราชอาณาจักรที่มีบิดาเป็นชาวต่างชาติ
โจทก์เกิดในราชอาณาจักร โดยบิดาเป็นคนต่างด้าว ถือใบประจำตัวคนต่างด้าวที่มารดาทำให้ตั้งแต่อายุ 14 ปีและโจทก์ต่ออายุมา 30 ปี โดยสมัครใจ โจทก์เสียสัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 มาตรา 21

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการจอดรถและการดูแลทรัพย์สิน: จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหากการโจรกรรมเกิดจากความหลับยามของผู้อื่น
จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์และเป็นผู้ใช้รถยนต์ของโจทก์คันพิพาท วันเกิดเหตุเวลา 18 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์ดังกล่าวมาจอดห่างหน้าสำนักงานโจทก์ราว 10 เมตร โดยจำเลยปิดกระจกล็อคกุญแจไว้ที่สำนักงานโจทก์ แต่มิได้ถอนสะพานไฟ (หัวนกกระจอก) ออกตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ต่อมาเวลา 18 นาฬิกาเศษ พนักงานของโจทก์อีกสองคนเข็นรถคันพิพาทไปจอดต่อท้ายรถของโจทก์อีกคันหนึ่งห่างสำนักงานราว 3.50 เมตร ครั้นเวลา 4 นาฬิกาจึงทราบว่าคนร้ายลักรถคันนั้นไปแล้ว โดยทุบกระจกหูช้างแตกและเข้าไปในรถขับไป ดังนี้ เมื่อโจทก์ยังมิได้วางระเบียบในเรื่องถอดสะพานไฟ (หัวนกประจอก) ออก เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาจำเลยสั่งด้วยวาจา จึงเป็นเพียงคำแนะนำหรือตักเตือนเท่านั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ดุลพินิจในการจอดรถที่เหมาะสมแล้ว การที่รถดังกล่าวถูกคนร้ายลักไปก็เนื่องจากพนักงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษารถคันพิพาทหลับยาม โดยจำเลยมิได้มีหน้าที่ดูแลรถคันพิพาทด้วย จึงมิใช่ผลโดยตรงจากการที่จำเลยละเลยต่อหน้าที่อันพึงปฏิบัติ จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อหน้าที่หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอคืนเงินค่าธรรมเนียมเมื่อยื่นอุทธรณ์และการพิพากษากลับคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ผู้อุทธรณ์ชนะคดี ผู้อุทธรณ์ชอบที่จะขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่วางไว้ต่อศาลเมื่อยื่นอุทธรณ์คืนได้ ศาลชั้นต้นยังไม่คืนผู้อุทธรณ์อุทธรณ์คำสั่งได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนเงินจำนวนที่จำเลยวางศาลไว้นี้ โจทก์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดทางราชการ: การที่หน่วยงานทราบการละเมิดแต่ไม่ฟ้องภายใน 1 ปี ทำให้ขาดอายุความ
ศาลยกฟ้องคดีอาญาโดยฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีและจำหน่ายอากรแสตมป์ปลอม ข้อนี้ศาลในคดีแพ่งต้องถือตาม ว่าจำเลยไม่ได้ทำละเมิดโดยนำแสตมป์ปลอมมาขายในหน้าที่ราชการของโจทก์ด้วย
อธิบดีกรมสรรพากรให้เจ้าหน้าที่ร้องทุกข์หาว่าจำเลยมีอากรแสตมป์ปลอม ถือว่าได้ทราบการละเมิดของจำเลยเมื่อไม่ได้ฟ้องใน 1 ปี ก็ขาดอายุความ
ผู้ที่ประมาทเลินเล่อทำให้ทางราชการเสียหายเพราะมีผู้ขายอากรแสตมป์ปลอม ไม่ได้กระทำผิดทางอาญา จึงไม่นำอายุความทางอาญามาใช้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีป้าย: ป้ายมีขอบเขต การคำนวณพื้นที่ และอำนาจประเมินย้อนหลังของพนักงานเจ้าหน้าที่
โครงอลูมิเนียมของโจทก์ที่มีอักษร BOAC และรูปนกติดอยู่นั้น ติดต่อเป็นแผ่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าทำคราวเดียวกันหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างแล้ว และทำโครงอลูมิเนียมดังกล่าวขึ้นเพื่อทำเป็นป้ายโฆษณาของโจทก์ เมื่อโจทก์เอาอักษร BOAC และรูปนกอันเป็นสัญญลักษณ์ของบริษัทโจทก์มาติดไว้ที่โครงอลูมิเนียมดังกล่าว แม้โจทก์จะเอาอักษร BOAC และรูปนกไม่เต็มโครงอลูมิเนียมโดยติดตรงส่วนบนของโครงอลูมิเนียม จึงถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นป้ายมีขอบเขตกำหนดได้ คือถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์มีขอบเขตตามโครงอลูมิเนียมดังกล่าว ในการคำนวณหาพื้นที่ของป้ายโฆษณาของโจทก์จะต้องเอาส่วนกว้างที่สุดคูณด้วยส่วนยาวที่สุดของโครงอลูมิเนียมอันเป็นขอบเขตป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นตารางเซนติเมตร เมื่อโจทก์เสียภาษีป้ายของโจทก์แบบป้ายไม่มีขอบเขตโดยถืออักษร BOAC และรูปนกเป็นขอบเขตส่วนกว้างส่วนยาวที่สุดของป้ายโฆษณาของโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยที่ 2 มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 2 แจ้งการประเมินตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 และโจทก์ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติมตามมาตรา 25 (2)
การเสียภาษีป้ายจะต้องเสียตามที่พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 บัญญัติไว้ โดยจะต้องเสียตามจำนวนเนื้อที่ของพื้นที่ของป้ายตามชนิดของป้ายและตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในบัญชีภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว มิใช่เสียตามที่คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดกำหนด หากเจ้าของป้ายไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายไม่ถูกต้อง พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 ยังบัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมิน ไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 บัญญัติว่า หากเจ้าของป้ายเสียภาษีป้ายไม่ถูกต้อง ให้คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดมีอำนาจสั่งงดเก็บภาษีป้ายย้อนหลัง มติของคณะเทศมนตรี เทศบาลนครหลวงที่ให้เก็บภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังจึงไม่มีผลใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ 2 มีสิทธิประเมินให้โจทก์เสียภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังได้ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 และไม่เป็นการประเมินซ้ำ
of 65