พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องระบุข้อความที่เป็นการใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงชัดเจน การกล่าวอ้างถึงการแพร่ข่าวโคมลอยโดยไม่ระบุรายละเอียดไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยเขียนจดหมายถึงสามีโจทก์โดยใส่รวมไปในซองเดียวกับจดหมายที่จำเลยเขียนถึง น.มีข้อความว่า เพราะข่าวต่างๆซึ่งสามีโจทก์และโจทก์ชอบกุข่าวโคมลอยอยู่เสมอๆเพื่อให้ผลเสียหายเกิดแก่จำเลย ข้อความดังกล่าวไม่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์แพร่ข่าว ที่ไม่จริงในเรื่องใด จึงไม่อาจฟังว่าเป็นการทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเครื่องเหล็กราคาสูงกว่า 500 บาท การส่งมอบเป็นชำระหนี้บางส่วน สิทธิเรียกร้องราคา และอายุความ
ซื้อเครื่องเหล็กราคากว่า 500 บาท ผู้ขายส่งมอบของเป็นการชำระหนี้บางส่วน มีสิทธิฟ้องเรียกราคาได้ ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
กำหนดชำระราคาสินค้างวดแรกเมื่อพ้น 3 เดือน ส่งสินค้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 ครบกำหนดอายุความ 2 ปีวันที่ 28 พฤษภาคม 2515 โจทก์ฟ้องเรียกราคาวันที่ 26 พฤษภาคม จึงไม่ขาดอายุความ
กำหนดชำระราคาสินค้างวดแรกเมื่อพ้น 3 เดือน ส่งสินค้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 ครบกำหนดอายุความ 2 ปีวันที่ 28 พฤษภาคม 2515 โจทก์ฟ้องเรียกราคาวันที่ 26 พฤษภาคม จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดชำระภาษีและผลกระทบต่อสิทธิในคดีล้มละลาย
หนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้า และเงินเพิ่มที่เจ้าพนักงานประเมินเพราะยื่นรายการไม่ถูกต้อง ถือว่าถึงกำหนดชำระตั้งแต่ครบ 150 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65,68,69 มิใช่ตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้ผู้ต้องเสียภาษีทราบ ถ้าเกิน 6 เดือนก็ไม่มีบุริมสิทธิตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561-1562/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างคู่ความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ต้องพิสูจน์การร่วมแรงร่วมทุน
ชายและหญิงที่อยู่กินฉันสามีภริยากันหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากชายหรือหญิงได้ทรัพย์สินใดมาในระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยากัน ทรัพย์นั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างชายกับหญิงก็ต่อเมื่อชายและหญิงได้ร่วมแรงรวมทุนหาทรัพย์สินนั้นมา หากเป็นทรัพย์สินที่บุคคลอื่นยกให้แก่ชายหรือหญิง หรือชายหรือหญิงได้มาด้วยแรงหรือด้วยทุนของตน ทรัพย์สินนั้นก็เป็นกรรมสิทธิ์ของชายหรือหญิงซึ่งได้รับการยกให้หรือซึ่งออกทุนออกแรงแต่ฝ่ายเดียว ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
จำเลยและผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยาหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินกับผู้ร้องได้รับ ยกให้ที่ดินพิพาท ต่อมาผู้ร้องขายที่ดินพิพาทให้แก่ บ.แล้วซื้อคืนจาก บ. โดยไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเอาเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันไปซื้อคืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดและมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ผู้ร้องจึงร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ ดังนี้กรณีต้องสันนิษฐานว่าผู้ร้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่ผู้เดียว เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวให้ได้ความว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทคืนด้วยเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน มิฉะนั้นโจทก์จะยึดที่พิพาทไม่ได้
จำเลยและผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยาหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินกับผู้ร้องได้รับ ยกให้ที่ดินพิพาท ต่อมาผู้ร้องขายที่ดินพิพาทให้แก่ บ.แล้วซื้อคืนจาก บ. โดยไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเอาเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันไปซื้อคืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดและมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ผู้ร้องจึงร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ ดังนี้กรณีต้องสันนิษฐานว่าผู้ร้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่ผู้เดียว เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวให้ได้ความว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทคืนด้วยเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน มิฉะนั้นโจทก์จะยึดที่พิพาทไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานกรอกข้อมูลเท็จในเอกสารราชการเพื่อออกหนังสือเดินทางให้ผู้กระทำผิด
จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ ประจำกองกำกับการ 2 สันติบาลมีหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนพระภิกษุสงฆ์ ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยไปจดบันทึกคำให้การของบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทาง และผู้ทำสัญญารับรองบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ จำเลยจึงมีหน้าที่จดบันทึกคำให้การของบุคคลดังกล่าว ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งด้วยลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจาเมื่อจำเลยกรอกข้อความเท็จลงในบันทึกคำให้การโดยผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯ ไม่ได้มาให้การและมิได้ให้การเช่นนั้น ทั้งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อความเท็จ แล้วจำเลยรับรองเป็นหลักฐานว่าผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯได้ให้การตามข้อความที่จำเลยจดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) และ(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในการฟ้องแบ่งทรัพย์สิน แม้ผู้เยาว์เป็นทายาท
โจทก์ จำเลยที่ 2 และ ส. ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและได้ครอบครองร่วมกันตลอดมาจนกระทั่งส.ถึงแก่ความตาย ดังนี้ แม้ทายาทของ ส.ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งก็มีสิทธิฟ้องผู้จัดการมรดกของ ส. และจำเลยที่ 2 ให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้ มิใช่เป็นการเรียกให้แบ่งทรัพย์สิน ในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 วรรค 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแบ่งทรัพย์สินรวมหลังการเสียชีวิตของผู้ถือครองร่วม การฟ้องแบ่งไม่ถือเป็นเวลาไม่สมควร
โจทก์ จำเลยที่ 2 และ ส.ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และได้ครอบครองร่วมกันตลอดมาจนกระทั่ง ส.ถึงแก่ความตาย ดังนี้ แม้ทายาทของ ส.ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งก็มีสิทธิฟ้องผู้จัดการมรดกของ ส.และจำเลยที่ 2 ให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้ มิใช่เป็นการเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 วรรค 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเมื่อมิได้ยกประเด็นในชั้นต้น และการที่จำเลยไม่อุทธรณ์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น
จำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อนี้
ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การบอกกล่าวบังคับจำนองจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกาประเด็นข้อนี้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้
ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การบอกกล่าวบังคับจำนองจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกาประเด็นข้อนี้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด: สิทธิการร้องสอดคดีตั๋วเงิน
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ในคดีที่ห้างหุ้นส่วนถูกฟ้องให้ใช้หนี้ตามตั๋วเงิน จึงร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมไม่ได้ เมื่อศาลสั่งยกคำร้องสอด และเพิกถอนคำสั่งที่รับเข้าเป็นจำเลยร่วมของผู้ร้องบางคนไว้แล้ว ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการเป็นส่วนควบของที่ดิน กรณีทายาทใช้หนี้และครอบครองเรือน
จำเลยปลูกเรือนในที่ดินของ ค.แล้วรื้อเรือนเดิมของค. พากันมาอยู่ที่เรือนใหม่นี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับสิทธิหรืออำนาจที่จะปลูกบ้านนี้ เรือนเป็นส่วนควบของที่ดิน ไม่เข้ามาตรา 109 ค. ตาย ทายาทยกที่ดินตีใช้หนี้แก่โจทก์เจ้าหนี้ของ ค. แล้วอาศัยอยู่ในเรือนต่อมาโจทก์ฟ้องขับไล่ได้แม้เกิน 1 ปี ไม่ใช่เรียกหนี้มรดก