คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล วัลยะเพ็ชร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่ศาลในการสั่งจ่ายเงินบำเหน็จผู้นำจับ: จำเป็นต้องมีระเบียบรัฐมนตรีเป็นหลักฐาน
กรณีการจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 นั้น ระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ศาลรู้ได้เอง โจทก์จะต้องกล่าวอ้างหรือนำสืบให้ศาลรู้ถึงระเบียบนั้นด้วย มิฉะนั้นศาลย่อมสั่งจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับไม่ได้
การที่ศาลชั้นต้นยกคำขอให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจขอ โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์มีอำนาจขอ และศาลต้องจ่ายเงินบำเหน็จแก่ผู้นำจับตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจขอแต่โจทก์มิได้นำสืบหรือแนบระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดมาท้ายฟ้องให้ศาลรู้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาให้ยกคำขอนั้นเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายฝากโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของทรัพย์สิน ทำให้สัญญาเป็นโมฆียะและเรียกเงินคืนได้
ที่ดินของจำเลยถูกจำกัดสิทธิการปลูกสร้างเพราะถูกสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านตาม พระราชบัญญัติการไฟฟ้ายันฮี พ.ศ.2500 จำเลยขายฝากแก่โจทก์ในราคาสูงโดยโจทก์ไม่ทราบ เป็นความสำคัญผิดในสารสำคัญของคุณสมบัติของทรัพย์การแสดงเจตนาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 120 โจทก์บอกล้างและเรียกเงินค่าซื้อฝากคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยครอบครองปรปักษ์จากความผิดพลาดในโฉนด
โจทก์จำเลยแบ่งที่ดินมรดกต่างครอบครองที่ดินที่แบ่งคนละแปลงแต่โฉนดที่โจทก์ได้รับมาในชื่อโจทก์เป็นโฉนดที่ดินแปลงอีกแปลงหนึ่งส่วนโฉนดที่จำเลยได้รับไปในชื่อจำเลยเป็นโฉนดที่ดินที่โจทก์ครอบครองโจทก์ครอบครองมาเกิน 10 ปีโดยเข้าใจผิดว่าครอบครองที่ดินตามโฉนดที่ตนมีชื่อ ดังนี้ แม้โจทก์เพิ่งทราบความผิดพลาดโจทก์ก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินที่ครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องเงินประกันชีวิต: 10 ปี (ม.169) ไม่ใช่ 2 ปี (ม.882)
ตัวแทนรับเงินประกันชีวิตไว้แล้วไม่ส่งแก่บริษัทรับประกันภัยตัวการ อายุความมีกำหนด 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 ไม่ใช่ 2 ปีตามมาตรา 882 ซึ่งใช้ระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและขอบเขตคำพิพากษา: การฟ้องเรียกเงินจำนวนเดิมจากจำเลยต่างกันหลังมีคำพิพากษาในคดีก่อน
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คนเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน คำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและการดำเนินคดีกับคู่ความเดิมและคู่ความใหม่
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คน เป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนคำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเมื่อมีเหตุผลทางกฎหมายเปลี่ยนแปลง
บทบัญญัติในมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 นั้นหมายความว่าเมื่อศาลอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเท่าใดแล้ว ต่อมาปรากฏว่าศาลสั่งไปโดยหลงผิดเข้าใจว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้จริงตามจำนวนเงินที่สั่งอนุญาต แต่ความจริงลูกหนี้มิได้เป็นหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้น้อยกว่านั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ศาลมีอำนาจยกคำขอรับชำระหนี้หรือลดจำนวนหนี้ที่ได้สั่ง อนุญาตไปแล้วได้
ศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าภาษีอากรตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130(6) โดยถือว่าหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระภายในหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นหนี้บุริมสิทธิ ต่อมาได้มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยว่าหนี้ทำนองเดียวกันนี้ถือว่าถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว และเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 130(8) ซึ่งมิใช่หนี้บุริมสิทธินั้น คำสั่งของศาลที่สั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 130(6) ไปแล้วนั้น ไม่ใช่สั่งไปโดยผิดหลงตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงตามคำพิพากษาฎีกา
บทบัญญัติในมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นั้นหมายความว่าเมื่อศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเท่าใดแล้ว ต่อมาปรากฏว่าศาลสั่งไปโดยหลงผิดเข้าใจว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้จริงตามจำนวนเงินที่สั่งอนุญาต แต่ความจริงลูกหนี้มิได้เป็นหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้น้อยกว่านั้นเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ศาลมีอำนาจยกคำขอรับชำระหนี้หรือลดจำนวนหนี้ที่ได้สั่งอนุญาตไปแล้วได้
ศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าภาษีอากรตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130(6) โดยถือว่าหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดชำระภายในหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นหนี้บุริมสิทธิต่อมาได้มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยว่าหนี้ทำนองเดียวกันนี้ถือว่าถึงกำหนดชำระเกินกว่าหกเดือนก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วและเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 130(8) ซึ่งมิใช่หนี้บุริมสิทธินั้น คำสั่งของศาลที่สั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 130(6) ไปแล้วนั้น ไม่ใช่สั่งไปโดยผิดหลงตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษี, การชำระบัญชีบริษัท, และความรับผิดของผู้ชำระบัญชี
ผู้มีเงินได้ต้องยื่นรายการในกุมภาพันธ์ 2502 แสดงเงินได้ในปี 2501 ที่ล่วงมาแล้ว สิทธิเรียกร้องภาษีเงินได้จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2502กรมสรรพากรโจทก์ยื่นฟ้องเรียกภาษีเงินได้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2512ยังไม่เกินอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 167
การชำระบัญชีบริษัทจำกัดสิ้นสุดเมื่อจดทะเบียน ตราบใดที่ยังไม่จดทะเบียน อายุความ 2 ปี ตามมาตรา 1272 ยังไม่เริ่มนับ
เจ้าพนักงานของโจทก์ประเมินภาษีเงินได้ให้จำเลยชำระรวมทั้งเงินเพิ่ม จำเลยไม่อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ภายใน 30 วัน จำเลยต้องเสียภาษีตามนั้น จะอ้างว่าไม่ถูกต้องภายหลังไม่ได้
ผู้ถือหุ้นค้างชำระค่าหุ้นอยู่เพราะกรรมการบริษัทและผู้ชำระบัญชีไม่เรียกเก็บ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระได้พร้อมด้วยดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้อง
ผู้ชำระบัญชีบริษัทจำกัดมีหน้าที่ตามมาตรา 1250 แต่ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวในหนี้ที่บริษัทค้างชำระ ข้อหาว่าทำละเมิดก็ต้องแสดงว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้เสียหายเพียงแต่ไม่เรียกให้ชำระค่าหุ้นให้ครบยังไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนผันการชำระเบี้ยประกัน และผลกระทบต่อความมีผลบังคับของกรมธรรม์ประกันชีวิต
ป.ทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับบริษัทจำเลย กำหนดชำระเบี้ยประกันปีละ 2 งวด หากไม่ชำระเบี้ยประกันตามกำหนด บริษัทจำเลยจะผ่อนเวลาให้อีก 30 วันโดยไม่คิดดอกเบี้ย ป.ชำระเบี้ยประกันแล้ว 3 งวด งวดที่ 4 ป.ไม่ได้ชำระภายในกำหนดหรือภายในเวลา 30 วันที่ผ่อนผันให้ตามกรมธรรม์ แต่ชำระให้หลังจากระยะเวลาที่ผ่อนผันให้นั้นล่วงเลยไปแล้ว 1 เดือนเศษ ทั้งยังชำระด้วยเช็คซึ่งลงวันที่ล่วงหน้าต่อไปอีก 1 เดือนเศษด้วย บริษัทจำเลยก็ยังตกลงรับเบี้ยประกันงวดนั้น ต่อมาในงวดที่ 5 ป.ก็ชำระหลังจากระยะเวลาที่ผ่อนผันให้นั้นล่วงเลยไปแล้วประมาณ 10 วัน และชำระด้วยเช็คซึ่งลงวันที่ล่วงหน้า 1 เดือนเศษ โดยชำระแก่ผู้แทนของบริษัทจำเลยเมื่อบริษัทจำเลยทราบมิได้ทักท้วงประการใด แม้ตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์จะระบุไว้ว่า ถ้าผู้เอาประกันไม่ชำระเบี้ยประกันภายในเวลาที่ผ่อนให้ กรมธรรม์ย่อมขาดอายุและไม่มีผลบังคับ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของบริษัทจำเลยนั้น เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยมิได้ถือปฏิบัติเคร่งครัดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ การที่บริษัทจำเลยไม่ทักท้วงในการที่ผู้แทนของบริษัทจำเลยรับชำระเบี้ยประกันงวดที่ 5 ที่ ป.ชำระด้วยเช็คลงวันที่ล่วงหน้าเช่นนี้ เท่ากับบริษัทจำเลยยอมสละเงื่อนไขดังกล่าวโดยผ่อนผันให้ ป.ชำระเบี้ยประกันงวดนี้ไปจนถึงวันที่ลงในเช็ค กรมธรรม์ประกันชีวิตจึงไม่ขาดอายุและยังมีผลบังคับอยู่ แม้ ป.จะตายก่อนที่เช็คนั้นจะถึงกำหนดชำระ ก็ไม่ทำให้กรมธรรม์ขาดอายุหรือไม่มีผลบังคับ บริษัทจำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์
of 65