คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล วัลยะเพ็ชร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมกำหนดผู้จัดการมรดกแล้ว ทายาทอื่นไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการ
เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมไว้ และมีข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ อ.เป็นผู้จัดการมรดก ทั้งไม่ปรากฏว่าข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกดังกล่าวไม่มีผลบังคับด้วยประการใด ๆประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคท้ายบัญญัติให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกตามข้อกำหนดพินัยกรรม ดังนั้นแม้ผู้ร้องเป็นทายาทของผู้ตายหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมรดกของผู้ตาย ก็ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมกำหนดผู้จัดการมรดกแล้ว ทายาทอื่นไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดก
เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมไว้ และมีข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ อ.เป็นผู้จัดการมรดก ทั้งไม่ปรากฏว่าข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกดังกล่าวไม่มีผลบังคับด้วยประการใด ๆประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคท้าย บัญญัติให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกตามข้อกำหนดพินัยกรรม ดังนั้น แม้ผู้ร้องเป็นทายาทของผู้ตายหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมรดกของผู้ตาย ก็ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า: การตีความสัญญา การสร้างอาคารไม่ครบตามสัญญา และสิทธิของผู้เช่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า 17 เดือน จำเลยให้การว่าจำเลยชำระตลอดมา คงไม่ชำระเพียง 6 เดือนเพราะโจทก์ไม่ยอมรับดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ยืมเงินจำเลย และยอมให้หักเงินยืมนั้นกับค่าเช่าที่ยังไม่ได้ชำระ 11 เดือน จำเลยจึงยังไม่ได้ชำระค่าเช่าอีกเพียง 6 เดือน ดังนี้ เป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์แล้ว คงยังไม่ได้ชำระอีก 6 เดือนตามคำให้การของจำเลย มิใช่เป็นการนำสืบนอกประเด็น
ตามสัญญาเช่าที่ดินกำหนดว่า "หากอายุการเช่าครบ 3 ปีแล้ว ผู้เช่ายังไม่ทำการถมดินและก่อสร้างอาคารร้านค้าอย่างน้อย10 ห้อง และครบ 7 ปี ตั้งแต่วันทำสัญญาต้องสร้างให้เสร็จครบ อย่างน้อย 20 ห้อง ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาได้ทันที"ดังนี้ กรณีมีข้อสงสัยว่าเมื่อครบ 3 ปีแล้ว ผู้เช่าถมดินและก่อสร้างร้านค้าเกินกว่า 10 ห้อง แต่ก่อสร้างเสร็จน้อยกว่า 10 ห้อง ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าได้หรือไม่ จึงต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้เช่าซึ่งเป็นคู่กรณีฝ่ายซึ่งจะต้องเสียในมูลหนี้นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11 ว่าจะบอกเลิกสัญญายังไม่ได้จนกว่าจะล่วงพ้น 7 ปีนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดิน: การบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้เช่ายังไม่สร้างอาคารให้เสร็จตามกำหนด และการตีความสัญญาที่เป็นคุณแก่ผู้เสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า 17 เดือน จำเลยให้การว่าจำเลยชำระตลอดมา คงไม่ชำระเพียง 6 เดือนเพราะโจทก์ไม่ยอมรับดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ยืมเงินจำเลย และยอมให้หักเงินยืมนั้นกับค่าเช่าที่ยังไม่ได้ชำระ 11 เดือน จำเลยจึงยังไม่ได้ชำระค่าเช่าอีกเพียง 6 เดือน ดังนี้ เป็นการนำสืบเพื่อแสดงว่า จำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์แล้ว คงยังไม่ได้ชำระอีก 6 เดือนตามคำให้การของจำเลย มิใช่เป็นการนำสืบนอกประเด็น
ตามสัญญาเช่าที่ดินกำหนดว่า 'หากอายุการเช่าครบ 3 ปีแล้ว ผู้เช่ายังไม่ทำการถมดินและก่อสร้างอาคารร้านค้า อย่างน้อย10 ห้อง และครบ 7 ปีตั้งแต่วันทำสัญญาต้องสร้างให้เสร็จครบอย่างน้อย 20 ห้อง ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาได้ทันที' ดังนี้ กรณีมีข้อสงสัยว่าเมื่อครบ 3 ปีแล้ว ผู้เช่าถมดินและก่อสร้างร้านค้าเกินกว่า 10 ห้อง แต่ก่อสร้างเสร็จน้อยกว่า 10 ห้อง ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าได้หรือไม่ จึงต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้เช่าซึ่งเป็นคู่กรณีฝ่ายซึ่งจะต้องเสียในมูลหนี้นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11 ว่าจะบอกเลิกสัญญายังไม่ได้จนกว่าจะล่วงพ้น 7 ปีนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2577/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: หน้าที่ชำระค่าเช่าของผู้เช่า แม้เจ้าของมิได้ส่งคนมาเก็บ
ตามข้อ 3 แห่งสัญญาเช่าซื้อ ระบุให้จำเลยที่ 1 ผู้เช่านำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์ผู้ให้เช่า ณ สถานที่ประกอบธุรกิจของโจทก์ภายในวันที่ 10 ของทุก ๆ เดือน ทั้งยังระบุต่อไปว่า ผู้เช่าสัญญาว่าไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ผู้เช่าจะอ้างเหตุที่เจ้าของมิได้ส่งคนไปเก็บค่าเช่าขึ้นเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นความรับผิดไม่ชำระค่าเช่าหรือชำระค่าเช่าให้ช้ากว่ากำหนดไม่ได้เป็นอันขาด ซึ่งหมายความว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องนำค่าเช่าซื้อไปชำระให้โจทก์ แม้ในทางปฏิบัติโจทก์จะส่งพนักงานมาเก็บค่าเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 แล้วต่อมาโจทก์จะไม่ส่งพนักงานมาเก็บค่าเช่าซื้อก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จะต้องนำค่าเช่าซื้อไปชำระแก่โจทก์ตามสัญญาจำเลยจะนำเหตุที่โจทก์ไม่ส่งพนักงานไปเก็บค่าเช่าซื้อมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดว่า จำเลยที่ 1 มิได้ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อไม่ได้เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ใช้เงินค่าเช่าซื้อสองคราวติด ๆ กันโจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2482/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลต้องวินิจฉัยค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะค่าทนายความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 เป็นบทบังคับให้ศาลต้องสั่งเรื่องความรับผิดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีส่วนการที่จะสั่งให้คู่ความฝ่ายใดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมากน้อยเพียงใดให้ศาลใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแม้จะให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับกันไป ศาลก็ต้องสั่ง แต่ค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความนั้น นอกจากค่าธรรมเนียมศาลแล้วยังมีค่าป่วยการพยาน ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมในการส่งเอกสารและบังคับคดี และค่าฤชาธรรมเนียมหรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ บรรดาที่กฎหมายบังคับให้เสีย การที่ศาลอุทธรณ์สั่งเฉพาะค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมอื่น ๆ มิได้วินิจฉัยถึง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทบุพการีเป็นเหตุฟ้องหย่า และหลักการแบ่งสินสมรสเมื่อมีหนี้ร่วม
จำเลยด่าโจทก์และมารดาโจทก์ว่ามารดาโจทก์เป็นคนดอกทองและโจทก์เป็นลูกคนดอกทอง มารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นคนดอกทอง ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493ได้นิยามคำว่า 'ดอกทอง' ไว้ว่า หมายถึงหญิงใจง่ายในทางประเวณี คำด่าดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการด่ามารดาโจทก์เป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณีและมารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณี อันเป็นการหมิ่นประมาทมารดาโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยาให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อนจึงจะ แบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าและการแบ่งสินสมรส กรณีหมิ่นประมาทบุพการีและการหักหนี้ร่วม
จำเลยด่าโจทก์และมารดาโจทก์ว่ามารดาโจทก์เป็นคนดอกทองและโจทก์เป็นลูกคนดอกทอง มารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นคนดอกทอง ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493ได้นิยามคำว่า "ดอกทอง" ไว้ว่า หมายถึงหญิงใจง่ายในทางประเวณี คำด่าดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการด่ามารดาโจทก์เป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณีและมารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณี อันเป็นการหมิ่นประมาทมารดาโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยา ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อน จึงจะแบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตรโดยชอบธรรม: การให้ตามสมควรทางศีลธรรมอันดี
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เอง คนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตร ถือเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภรรยา
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็น สามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เองคนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1473(3)
of 65