พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิของตัวแทนเชิดเรียกค่าเสียหายจากตัวการ ต้องฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 816 วรรคสาม
การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรคสาม โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิดและค่าสินไหมทดแทน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากตัวการต้องอ้างอิงมาตรา 816 วรรค 3
การที่โจทก์จะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยซึ่งเป็นตัวการรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนนั้น โจทก์จะต้องฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816 วรรค 3 โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยเป็นตัวการ และโจทก์เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งตัวแทนเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือ หากมิได้ทำ ตัวแทนไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ตัวการ
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หมายถึงกิจการใดที่ตัวแทนจะไปทำกับบุคคลภายนอกแทนตัวการ กฎหมายบังคับไว้ว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนไปทำกิจการนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย มิฉะนั้นกิจการที่ตัวแทนกระทำไปกับบุคคลภายนอกจะไม่สมบูรณ์ แต่ในระหว่างตัวแทนกับตัวการด้วยกัน ตัวแทนจะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 435/2507)
เมื่อคดีนี้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนกับจำเลย (ตัวการ) ซึ่งแม้การตั้งโจทก์เป็นตัวแทนไปทำการเช่าบ้านพิพาทแทนจำเลยจะมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็จะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท
เมื่อคดีนี้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนกับจำเลย (ตัวการ) ซึ่งแม้การตั้งโจทก์เป็นตัวแทนไปทำการเช่าบ้านพิพาทแทนจำเลยจะมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็จะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งตัวแทนเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือ หากมิได้ทำเป็นหนังสือ ตัวแทนไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ตัวการ
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หมายถึงกิจการใดที่ตัวแทนจะไปทำกับบุคคลภายนอกแทนตัวการกฎหมายบังคับไว้ว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนไปทำกิจการนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย มิฉะนั้นกิจการที่ตัวแทนกระทำไปกับบุคคลภายนอกจะไม่สมบูรณ์ แต่ในระหว่างตัวแทนกับตัวการด้วยกัน ตัวแทนจะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 435/2507)
เมื่อคดีนี้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนกับจำเลย (ตัวการ) ซึ่งแม้การตั้งโจทก์เป็นตัวแทนไปทำการเช่าบ้านพิพาทแทนจำเลยจะมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็จะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท
เมื่อคดีนี้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนกับจำเลย (ตัวการ) ซึ่งแม้การตั้งโจทก์เป็นตัวแทนไปทำการเช่าบ้านพิพาทแทนจำเลยจะมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ก็จะอ้างมาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้ และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: ยาเสพติดครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่าย
การที่จำเลยมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้บังอาจจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดเป็นกรรมเดียว แม้เป็นการกระทำต่อเนื่อง
การที่จำเลยมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้บังอาจจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนพิสูจน์ที่ดิน - เอกสารอันแท้จริง vs. เอกสารปลอม - ความผิดฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนที่ดินอำเภอ มีหน้าที่ทำการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินโดยการสมคบสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารรายการไต่สวนฯ ที่ดินของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดิน 1 แปลง มีเนื้อที่และอาณาเขตตามรายละเอียดในฟ้อง และจำเลยที่ 1 ทำแผนที่ปลอมในเอกสารการพิสูจน์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัด ตรวจสอบ และพิสูจน์ แต่ได้กรอกข้อความดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้นำจำเลยที่1 สำรวจพิสูจน์และปักหลักเขตไว้ถูกต้องตรงตามความจริง มิได้ล้ำแนวเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณประโยชน์ และรับรองแผนที่ว่าถูกต้อง โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7ทราบดีว่าไม่มีการรังวัด และจำเลยที่ 2 ไม่มีที่ดินดังแผนที่ และทิศข้างเคียงในใบตรวจสอบก็ไม่ตรงตามความจริง เป็นการสมคบกันปลอมเอกสาร ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะหากที่ดินของจำเลยที่ 2 มีรายการดังที่จำเลยที่1 ทำปลอมขึ้น ก็จะทับที่ของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงและต่อมาจำเลยได้บังอาจนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีแพ่ง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,264,266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไต่สวนที่ดินไม่เป็นเอกสารปลอม แม้ข้อความไม่ตรงจริง ความผิดฐานสนับสนุนยังต้องฟังข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนที่ดินอำเภอมีหน้าที่ทำการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินโดยการสมคบสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารรายการไต่สวนฯ ที่ดินของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 มีที่ดิน 1 แปลง มีเนื้อที่และอาณาเขตตามรายละเอียดในฟ้อง และจำเลยที่ 1 ทำแผนที่ปลอมในเอกสารการพิสูจน์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัด ตรวจสอบและพิสูจน์ แต่ได้กรอกข้อความดังกล่าวลงในเอกสาร เพื่อสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าว ยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ได้นำจำเลยที่ 1 สำรวจพิสูจน์และปักหลักเขตไว้ถูกต้องตรงตามความจริง มิได้ล้ำแนวเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณประโยชน์ และรับรองแผนที่ว่าถูกต้อง โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ทราบดีว่าไม่มีการรังวัด และจำเลยที่ 2 ไม่มีที่ดินดังแผนที่ และทิศข้างเคียงในใบตรวจสอบก็ไม่ตรงตามความจริง เป็นการสมคบกันปลอมเอกสาร ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะหากที่ดินของจำเลยที่ 2มีรายการดังที่จำเลยที่1 ทำปลอมขึ้นก็จะทับที่ของโจทก์ที่อยู่ข้างเคียงและต่อมาจำเลยได้บังอาจนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นพยานในคดีแพ่ง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และประชาชน
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7 บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
ตามคำฟ้องนี้ เอกสารไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 1 ออกให้ตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เป็นเอกสารอันแท้จริง แม้ข้อความจะไม่ตรงต่อความจริงก็ไม่ทำให้กลายเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 266 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการในความผิดดังกล่าวด้วย แต่โจทก์ฟ้องด้วยว่าจำเลยที่ 1 โดยการสนับสนุนของจำเลยที่ 2 ถึง 7 บังอาจกรอกข้อความอันเป็นเท็จ และทำแผนที่เท็จในเอกสารการไต่สวนพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้รังวัดตรวจสอบ และพิสูจน์ที่ดินของจำเลยที่ 2 หากเป็นความจริงดังฟ้องการกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นความผิดตามมาตรา 162 และการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวสมควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องนั้น ไม่เป็นการชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสมรสโดยไม่มีการหมั้น ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หากฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม
การเรียกค่าทดแทนเนื่องจากผิดสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการสมรสนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เรียกได้เฉพาะกรณีที่มีการหมั้นเท่านั้นการที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจะสมรสหรือจดทะเบียนสมรสโดยไม่มีการหมั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โจทก์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหาได้ไม่
โจทก์จำเลยสมรสกันตามประเพณี และตกลงกันว่า หากจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้วจำเลยจะไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่เมื่อจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้ว จำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น การที่โจทก์ต้องสูญเสียความเป็นสาวและอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย โดยไม่จดทะเบียนสมรสกัน เกิดจากความสมัครใจของโจทก์ มิใช่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย การที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ก็มิใช่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ หรือเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421 จำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์จำเลยสมรสกันตามประเพณี และตกลงกันว่า หากจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้วจำเลยจะไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่เมื่อจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้ว จำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น การที่โจทก์ต้องสูญเสียความเป็นสาวและอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย โดยไม่จดทะเบียนสมรสกัน เกิดจากความสมัครใจของโจทก์ มิใช่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย การที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ก็มิใช่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ หรือเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421 จำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสมรสที่ไม่ได้รับการจดทะเบียน: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
การเรียกค่าทดแทนเนื่องจากผิดสัญญาหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการสมรสนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438บัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เรียกได้เฉพาะกรณีที่มีการหมั้นเท่านั้นการที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจะสมรสหรือจดทะเบียนสมรสโดยไม่มีการหมั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโจทก์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหาได้ไม่
โจทก์จำเลยสมรสกันตามประเพณี และตกลงกันว่าหากจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้วจำเลยจะไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่เมื่อจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้ว จำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น การที่โจทก์ต้องสูญเสียความเป็นสาวและอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่จดทะเบียนสมรสกัน เกิดจากความสมัครใจของโจทก์มิใช่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย การที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ก็มิใช่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ หรือเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 421 จำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์จำเลยสมรสกันตามประเพณี และตกลงกันว่าหากจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้วจำเลยจะไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่เมื่อจำเลยสำเร็จการศึกษาแล้ว จำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับโจทก์นั้น การที่โจทก์ต้องสูญเสียความเป็นสาวและอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่จดทะเบียนสมรสกัน เกิดจากความสมัครใจของโจทก์มิใช่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย การที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ ก็มิใช่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ หรือเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420, 421 จำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์