คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สงวน สิทธิไชย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้จากค่าบริการนายหน้า: อายุความและขอบเขตการประเมิน
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการวิ่งเต้นให้เจ้าของที่ดินยอมให้บริษัท ว. เข้าทำการปรับปรุงที่ดินอันเป็นแหล่งเสื่อมโทรม จนเป็นผลให้เจ้าของที่ดินทำสัญญาดังกล่าวกับบริษัท ว. และทำให้โจทก์ได้รับเงินค่าตอบแทนจากบริษัท ว. การกระทำของโจทก์เข้าลักษณะเป็นนายหน้าตัวแทนจัดการงานให้ เป็นการประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77 บัญชีอัตราภาษีการค้า 10 นายหน้าและตัวแทน โจทก์จึงต้องจดทะเบียนการค้าและเสียภาษีการค้า ทั้งต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40(2) จากจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับมาจากบริษัท ว.
ประมวลรัษฎากร มาตรา 19, 20 มิใช่บทบัญญัติเรื่องอายุความในการเรียกร้องให้ชำระภาษี แต่เป็นบทบัญญัติกำหนดระยะเวลาให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการมาไต่สวนในเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่ารายการที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์ภายในกำหนด 5 ปี พ้นกำหนดนี้แล้วจะมีผลเพียงเจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจออกหมายเรียกผู้ยื่นรายการมาไต่สวนเท่านั้น ส่วนสิทธิเรียกร้องให้ชำระภาษีเงินได้และเงินเพิ่มมีอายุความ 10 ปี โดยเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ผู้เสียภาษีต้องยื่นรายการและชำระค่าภาษีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 167 ภาษีเงินได้สำหรับปีพ.ศ. 2509 โจทก์จะต้องยื่นรายการภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2510 เมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้น 10 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับตัวผู้เยาว์ที่ถูกพรากเพื่อค้าประเวณี แม้ผู้เยาว์จะหนีออกจากบ้านไปก่อน ก็ถือเป็นความผิด
ผู้เยาว์อายุ 14 ปี หนีออกจากบ้านมารดาไปเป็นลูกจ้างอยู่ร้านค้าทองได้ 5 วัน ก็ถูกล่อลวงไปจากร้านแล้วนำไปขายให้กับจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการสถานการค้าประเวณี แม้จะได้ความว่าผู้เยาว์หนีออกจากบ้านไปรับจ้างอยู่กับผู้อื่นก่อน ผู้ล่อลวงชักพาผู้เยาว์ไปเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร ก็มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา ดังนั้น การที่จำเลยรับตัวผู้เยาว์ไว้โดยทุจริต จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคสอง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 831/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับตัวผู้เยาว์ที่ถูกพรากเพื่อค้าประเวณี แม้ผู้เยาว์จะหนีออกจากบ้านก่อนก็ถือเป็นความผิด
ผู้เยาว์อายุ 14 ปี หนีออกจากบ้านมารดาไปเป็นลูกจ้างอยู่ร้านค้าทองได้ 5 วัน ก็ถูกล่อลวงไปจากร้านแล้วนำไปขายให้กับจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการสถานการค้าประเวณี แม้จะได้ความว่าผู้เยาว์หนีออกจากบ้านไปรับจ้างอยู่กับผู้อื่นก่อน ผู้ล่อลวงชักพาผู้เยาว์ไปเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร ก็มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา ดังนั้น การที่จำเลยรับตัวผู้เยาว์ไว้โดยทุจริต จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคสอง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 831/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การล่าช้าเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันรับหมาย และการไต่สวนคำร้องยื่นคำให้การ
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีในวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2518ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ครบกำหนดยื่นคำให้การวันที่ 31 ตุลาคม 2518 จำเลยยื่นคำให้การเลยกำหนดจึงไม่รับคำให้การ และสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องว่าไม่ได้จงใจขาดนัดเพราะจำเลยป่วยเป็นไข้ และจำวันรับหมายผิดจึงบอกวันรับหมายกับทนายผิดไป ทนายจึงยื่นคำให้การล่วงเลยกำหนดไป 1 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่าการบอกวันรับหมายผิดไม่ใช่ข้อแก้ตัวให้ยกคำร้อง จำเลยโต้แย้งคำสั่งไว้แล้ว ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ไปตามนัด แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี เมื่อปรากฏตามใบรับหมายเรียกท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 25 ตุลาคม2518 ซึ่งถ้าเป็นความจริง คำให้การที่จำเลยยื่นไว้ก็เป็นการยื่นในกำหนดเวลาตามกฎหมายและคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยก็อ้างเหตุเจ็บป่วยจึงมีเหตุสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและสั่งคำร้องของจำเลย แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกินกว่าเหตุ: การยิงเพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายและห้ามปราม
ผู้ตายมีสนับมือเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ พวกผู้ตาย 2 คนวิ่งเข้าไปที่ผู้ตายและจำเลยเพื่อห้ามแต่จำเลยเข้าใจว่าจะเข้าไปรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงไป 3 นัด เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตรับฎีกาและการสิ้นสุดกระบวนการเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นยกคำร้องที่จำเลยขออุทธรณ์อนาถาจำเลยร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง ให้วางค่าธรรมเนียมใน 15 วัน จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาศาลฎีกายกคำร้องฎีกาคำสั่งไม่รับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด จำเลยขอขยายเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยทิ้งงานก่อสร้าง อ. มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและเบี้ยปรับ แม้จะบอกเลิกสัญญาแล้ว
จำเลยรับเหมาสร้างอาคารของ อ. แล้วทิ้งงาน อ. จ้างผู้อื่นทำงานจำเลยต้องใช้ค่าเสียหายและเบี้ยปรับ อ. บอกเลิกสัญญา มิได้หมายความสละสิทธิปรับตามสัญญา อ. หักเบี้ยปรับจากเงินที่จำเลยวางไว้กับ อ. ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมและผลของการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ
ประนีประนอมยอมความว่าจำเลยยอมโอนโรงสีกับที่ดิน โจทก์ยอมชำระค่าเช่าซื้อโดยกำหนดชำระเป็นงวดถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้บังคับคดีตามฟ้องแย้ง ขับไล่และริบเงินได้ทันที จำเลยรับเงินที่วางศาลได้ต่อเมื่อนำ น.ส.3 กับใบมอบอำนาจมาวางศาลก่อนศาลพิพากษาตามยอม ดังนี้ โจทก์ออกเช็คชำระหนี้แต่ลงวันออกเช็คหลังวันที่กำหนดเป็นผิดนัด จำเลยริบเงินและขับไล่ตามฟ้องแย้งได้ข้อที่ให้นำ น.ส.3 กับใบมอบอำนาจมาวางศาลแต่เงื่อนไขในการรับเงินไปจากศาลไม่ทำให้โจทก์ชำระหนี้ล่วงเวลานัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อาวุธปืนไม่มีทะเบียนพ้นกำหนดจดทะเบียน จำเลยยกเว้นโทษ แต่ริบของกลาง
อาวุธปืนของกลางเป็นปืนไม่มีทะเบียนและล่วงเลยระยะเวลาที่จะนำไปขอจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 แล้ว จำเลยได้รับยกเว้นโทษ แต่ต้องริบปืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยเสียชีวิต และการยกเว้นโทษตามกฎหมายเฉพาะ
จำเลยที่ 2 ตายในระหว่างอายุความอุทธรณ์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับจำเลยนั้นย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ดังนั้น เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ตาย
ในระหว่างอายุความฎีกาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้โอกาสแก่ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 4 จะมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะการสงครามไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 4 ก็ได้ยกเว้นโทษตามกฎหมาย และเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ฎีกาต่อมาก็ได้รับประโยชน์จากบทกฎหมายดังกล่าวด้วย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 4
of 58