พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาลคดีเช็ค: ความผิดเกิดขึ้น ณ สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่สถานที่สั่งจ่ายหรือเรียกเก็บ
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จะเกิดขึ้นต่อเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยออกเช็คให้โจทก์ที่กรุงเทพมหานคร แต่ธนาคารซึ่งมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็ค และได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน คือธนาคารซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา จึงถือไม่ได้ว่าความผิดได้เกิดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร และปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลอาญาจึงไม่ต้องชำระคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ศาลอาญาชอบที่จะใช้ดุลพินิจไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวหนี้ก่อนฟ้องล้มละลาย ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นเพียงเหตุสันนิษฐาน
การบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนไม่น้อยกว่าสองครั้ง มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 (9) นั้น เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวข้อหนึ่งเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลาย: การบอกกล่าวหนี้ก่อนฟ้องไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นเพียงเหตุสันนิษฐาน
เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ให้เป็นบุคคลล้มละลายได้ เมื่อบรรยายฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511กล่าวคือ ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นหนี้ไม่น้อยกว่า 30,000 บาท และหนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน แม้จะอยู่ระหว่างบังคับคดีในหนี้รายเดียวกันในคดีแพ่งสามัญ
การบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนไม่น้อยกว่าสองครั้ง มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามมาตรา 8(9) นั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวข้อหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่บทบังคับว่าโจทก์ต้องบอกกล่าวเช่นนั้นก่อนฟ้อง
การบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนไม่น้อยกว่าสองครั้ง มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามมาตรา 8(9) นั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวข้อหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่บทบังคับว่าโจทก์ต้องบอกกล่าวเช่นนั้นก่อนฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเรียกคืนค่าบำรุงที่ดิน: เริ่มนับจากวันที่รู้ว่าการซื้อขายเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2515ว่า การซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะ ต้องถือว่าวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นเวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนค่าที่ได้จ่ายบำรุงที่ดินไปนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึงหนึ่งปี คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายรถยนต์ผ่อนชำระ: กรรมสิทธิ์โอนเมื่อผ่อนชำระครบถ้วน ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ
สัญญาซื้อขายรถยนต์ให้ผู้ซื้อผ่อนชำระราคารายเดือน จะโอนกรรมสิทธิ์ให้เมื่อผู้ซื้อผ่อนชำระราคาครบถ้วนแล้ว ไม่มีข้อความตอนใดให้เห็นว่าเป็นเรื่องเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น ทั้งไม่บังคับตาม มาตรา 574 เป็นสัญญาซื้อขายโดยมีเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 หาใช่สัญญาเช่าซื้อไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอัดเทปเพลงไทยเดิมสาธารณะสมบัติโดยไม่แสดงสงวนสิทธิ ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
การที่โจทก์จ้างนักดนตรี นักร้องมาบรรเลงและขับร้องเพลงไทยเดิมซึ่งตกเป็นสมบัติสาธารณะไปแล้ว อัดเทปขาย โดยมิได้แสดงสงวนสิทธิในเทปดังกล่าวนั้นจำเลยรับจ้างอัดเพลงจากเทปที่โจทก์อัดขายนั้นลงในเทปของผู้นำมาว่าจ้างให้อัด มิได้อัดและนำออกจำหน่ายเองดังนี้ จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอัดเทปเพลงไทยเดิมที่ตกเป็นสมบัติสาธารณะเพื่อการสอนและการเผยแพร่ ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากจำเลยเพียงรับจ้างอัดเทปตามคำสั่ง
การที่โจทก์จ้างนักดนตรี นักร้องมาบรรเลงและขับร้องเพลงไทยเดิมซึ่งตกเป็นสมบัติสาธารณะ อัดเทปขายแก่บรรดาครูที่มาอบรมนาฏศิลป์ และแก่บุคคลทั่วไปเพื่อใช้สอนนักเรียนและเป็นการเผยแพร่ดนตรีไทยโดยมิได้แสดงสงวนสิทธิในม้วนเทปนั้น ๆ และจำเลยก็เป็นแต่เพียงผู้รับจ้างอัดเพลงจากเทปที่โจทก์อัดขายนั้นลงในเทปของผู้นำมาว่าจ้างให้อัด มิใช่จำเลยอัดและนำออกจำหน่ายเองแต่อย่างใด จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายหลังข่มขืน: ศาลฎีกายืนโทษจำเลย
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร และอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตร แทงที่คอมีโลหิตไหล กระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปาก ริมฝีปาก คอ ไหปลาร้า โดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร แผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายจึงหลบหนีไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราและพยายามฆ่า: เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า พิจารณาจากบาดแผลและการกระทำ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่งที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรและอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตรแทงที่คอมีโลหิตไหลกระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปากริมฝีปาก คอ ไหปลาร้าโดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีกขาด กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตรคอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตรแผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตรยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายแล้วจึงหลบหนีไป ดังนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดี: เหตุจำเป็น, ความยุติธรรม, และขอบเขตการอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ ศาลไม่อนุญาต โจทก์ร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี โดยอ้างว่าเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลยกคำร้อง โจทก์แถลงคัดค้านคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาใหม่โดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ เป็นคนละกรณีกับที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งซึ่งโจทก์ขอเมื่อพ้นเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 โจทก์ไม่มาศาลในวันชี้สองสถานแล้วมาร้องขอเลื่อนวันสืบพยานโจทก์ แต่เป็นการขอเลื่อนครั้งแรกเพราะทนายติดว่าความศาลอื่น ยังไม่พอถือเป็นประวิงความศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่โดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้