คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สงวน สิทธิไชย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2931/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิยามโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2512: เตาเผาหินปูนขนาดใหญ่เข้าข่ายต้องขออนุญาต
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 5 มีคำจำกัดความคำว่าโรงงานไว้ให้หมายถึงอาคารสถานที่หรือยานพาหนะที่ใช้เครื่องจักรมีกำลังรวมตั้งแต่สองแรงม้า หรือกำลังเทียบเท่าตั้งแต่สองแรงม้าขึ้นไป ฯลฯ และมีคำจำกัดความคำว่าเครื่องจักรไว้ด้วยว่าหมายถึงสิ่งที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้นสำหรับใช้ก่อกำเนิดพลังงานฯลฯดังนั้น จึงถือได้ว่า โรงผลิตปูนขาวซึ่งใช้เตาหินปูนขนาดให้ความร้อนเท่ากับเครื่องจักรขนาด 368 แรงม้า โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง เป็นโรงงานที่ต้องขออนุญาตตามความหมายของพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 ด้วยเพราะใช้เตาซึ่งย่อมต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้น และใช้เชื้อเพลิงก่อให้เกิดพลังงานคือความร้อนขึ้นอันเป็นเครื่องจักรตามคำจำกัดความข้างต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2931/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิยาม 'โรงงาน' ตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ พิจารณาจาก 'เครื่องจักร' และ 'การใช้พลังงาน' แม้มีคนงานน้อย
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512 มาตรา 5 มีคำจำกัดความคำว่าโรงงานไว้ ให้หมายถึงอาคารสถานที่หรือยานพาหนะที่ใช้เครื่องจักรมีกำลังรวมตั้งแต่สองแรงม้า หรือกำลังเทียบเท่าตั้งแต่สองแรงม้าขึ้นไป ฯลฯ และมีคำจำกัดความคำว่าเครื่องจักรไว้ด้วยว่าหมายถึงสิ่งที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้นสำหรับใช้ก่อกำเนิดพลังงานฯลฯ ดังนั้น จึงถือได้ว่า โรงผลิตปูนขาวซึ่งใช้เตาหินปูนขนาดให้ความร้อนเท่ากับเครื่องจักรขนาด 368 แรงม้า โดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง เป็นโรงงานที่ต้องขออนุญาตตามความหมายของพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512 ด้วย เพราะใช้เตาซึ่งย่อมต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้น และใช้เชื้อเพลิงก่อให้เกิดพลังงานคือความร้อนขึ้นอันเป็นเครื่องจักรตามคำจำกัดความข้างต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2880/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้จากการเล่นแชร์: ศาลพิจารณาจากมูลเหตุจริง แม้ฟ้องเป็นสัญญากู้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันแต่คดีฟังได้ว่าสัญญากู้ตามฟ้องมีมูลหนี้มาจากการเล่นแชร์ดังนี้ถือว่าเป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีของการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไรเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้อง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 520/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2880/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้จากการเล่นแชร์ แม้ฟ้องเป็นสัญญากู้ก็ไม่แตกต่างไปจากฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน แต่คดีฟังได้ว่าสัญญากู้ตามฟ้องมีมูลหนี้มาจากการเล่นแชร์ดังนี้ถือว่าเป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีของการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไรเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้อง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่520/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารยกทรัพย์สินระหว่างชีวิต ไม่ใช่พินัยกรรม หากไม่มีเจตนาให้มีผลบังคับใช้เมื่อเสียชีวิต
ผู้ตายทำเอกสารไว้ มีข้อความว่า "กระผม พระรัตน์ โอภาโสขอมอบถวายท่านเจ้าคุณพระสมุทรเมธาจารย์ เรื่องทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มีอยู่ในขณะเป็นพระนี้ทั้งหมดห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด" ไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าเป็นการแสดงถึงเจตนาของผู้ตายในการกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินให้เกิดผลบังคับเมื่อได้ถึงแก่ความตายไปแล้วเลย จึงมิใช่พินัยกรรมคงเป็นเพียงหนังสือยกทรัพย์ให้ในระหว่างมีชีวิตเท่านั้น การที่ระบุห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาดเป็นข้อความเขียนห้ามไว้ตามธรรมดา เพราะได้ยกให้ไปแล้วจะแปลเลยไปถึงว่ามีความหมายเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะให้เกิดผลบังคับเมื่อตายหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามพินัยกรรม จำเลยย่อมมีสิทธิปฏิเสธในเรื่องพินัยกรรมที่เป็นมูลฟ้อง อันเป็นการปฏิเสธเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารยกทรัพย์ระหว่างผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิต ไม่ถือเป็นพินัยกรรมบังคับใช้หลังเสียชีวิต จำเลยมีสิทธิปฏิเสธได้
ผู้ตายทำเอกสารไว้ มีข้อความว่า "กระผม พระรัตน์ โอภาโสขอมอบถวายท่านเจ้าคุณพระสมุทรเมธาจารย์ เรื่องทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มีอยู่ในขณะเป็นพระนี้ทั้งหมดห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด" ไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าเป็นการแสดงถึงเจตนาของผู้ตายในการกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินให้เกิดผลบังคับเมื่อได้ถึงแก่ความตายไปแล้วเลย จึงมิใช่พินัยกรรมคงเป็นเพียงหนังสือยกทรัพย์ให้ในระหว่างมีชีวิตเท่านั้นการที่ระบุห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาดเป็นข้อความเขียนห้ามไว้ตามธรรมดา เพราะได้ยกให้ไปแล้ว จะแปลเลยไปถึงว่ามีความหมายเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะให้เกิดผลบังคับเมื่อตายหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามพินัยกรรม จำเลยย่อมมีสิทธิปฏิเสธในเรื่องพินัยกรรมที่เป็นมูลฟ้อง อันเป็นการปฏิเสธเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาซื้อขายด้วยพยานบุคคลขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ส. ขายที่พิพาทให้โจทก์ในราคา 14,000 บาท เงินจำนวนนี้ผู้ขายได้รับจากโจทก์ไปครบถูกต้องแล้วแต่วันทำสัญญา การที่จำเลยนำสืบว่าในวันทำสัญญาจะซื้อขายผู้ขายได้รับเงินค่าที่พิพาทเพียง 2,500 บาท รวมกับเงินที่ผู้ขายและจำเลยที่ 1 กู้โจทก์ไปสองคราวจำนวน 1,300 บาท เป็นเงินเพียง 3,800บาทนั้น เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารสัญญาซื้อขายด้วยพยานบุคคลขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ส. ขายที่พิพาทให้โจทก์ในราคา14,000 บาท เงินจำนวนนี้ผู้ขายได้รับจากโจทก์ไปครบถูกต้องแล้วแต่วันทำสัญญา การที่จำเลยนำสืบว่าในวันทำสัญญาจะซื้อขายผู้ขายได้รับเงินค่าที่พิพาทเพียง 2,500 บาท รวมกับเงินที่ผู้ขายและจำเลยที่ 1 กู้โจทก์ไปสองคราวจำนวน 1,300 บาท เป็นเงินเพียง 3,800บาทนั้น เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดการบุกรุก หากแสดงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลย 1 แปลงอยู่หมู่ที่ 1ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ต่อมาจำเลยเข้ายื้อแย่งบุกรุกทำกินโดยพลการ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ขับไล่ห้ามมิให้เกี่ยวข้อง และเรียกค่าเสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าบุกรุกยื้อแย่งที่ตรงไหน เป็นเนื้อที่เท่าใด และมาทำอะไรกินซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบภายหลังได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้องกรณีบุกรุกทำกิน ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดเนื้อที่หรือการทำกิน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากจำเลย 1 แปลงอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหัวเมือง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ต่อมาจำเลยเข้ายื้อแย่งบุกรุกทำกินโดยพลการ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ขับไล่ ห้ามมิให้เกี่ยวข้อง และเรียกค่าเสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าบุกรุกยื้อแย่งที่ตรงไหน เป็นเนื้อที่เท่าใด และมาทำอะไรกิน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบภายหลังได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
of 58