คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สงวน สิทธิไชย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายต่อเนื่องกับการบุกรุก: ไม่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานโดยมีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย เมื่อ ส.เปิดประตูห้องออกมา จำเลยยังลงบันไดไปเอามีดที่อยู่ข้างล่าง แล้วจึงใช้มีดนั้นแทง ส.แทนที่จะแทงทันที่ที่เปิดประตู ก็ยังถือไม่ได้ว่าการบุกรุกนั้นเป็นคนละตอนกับการทำร้ายร่างกาย เพราะได้กระทำโดยกระชั้นชิดติดต่อกันโดยมีเจตนาเพื่อจะทำร้ายร่างกาย จึงมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายต่อเนื่องกับการบุกรุก: ไม่ถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานโดยมีเจตนาจะทำร้ายร่างกายเมื่อ ส. เปิดประตูห้องออกมา จำเลยยังลงบันไดไปเอามีดที่อยู่ข้างล่าง แล้วจึงใช้มีดนั้นแทง ส. แทนที่จะแทงทันทีที่เปิดประตู ก็ยังถือไม่ได้ว่าการบุกรุกนั้นเป็นคนละตอนกับการทำร้ายร่างกาย เพราะ ได้กระทำโดยกระชั้นชิดติดต่อกันโดยมีเจตนาเพื่อจะทำร้ายร่างกาย จึงมิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินก่อนมีประมวลกฎหมายที่ดิน แม้ไม่แจ้ง ก็ยังมีสิทธิ ยันรัฐได้
ผู้ที่ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แม้จะมิได้แจ้งการครอบครองไว้ ก็หาทำให้เสียสิทธิครอบครองไปไม่ เป็นแต่เพียงจะยกขึ้นยันรัฐในการที่รัฐจะจัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือยันบุคคลผู้ได้สิทธิมาจากรัฐในการจัดที่ดินไม่ได้เท่านั้น ตราบใดที่รัฐยังมิได้เข้าจัดที่ดินนั้น ผู้นั้นยังมีสิทธิครอบครองอยู่
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58ทวิ และมาตรา 59ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ผู้ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ รวมทั้งผู้ครอบครองต่อเนื่องจากบุคคลดังกล่าว มีสิทธิขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ เมื่อมีการเดินสำรวจรังวัดในท้องที่นั้นหรือเมื่อมีความจำเป็นอาจขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายก็ได้
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันการแจ้งการครอบครองต่อจำเลยที่ 1 เพื่อให้จำเลยที่ 2 อนุญาต และให้จำเลยที่ 2 ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าที่ดินที่โจทก์ครอบครองเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ยอมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินก่อนประมวลกฎหมายที่ดิน แม้ไม่แจ้ง ก็ไม่เสียสิทธิ ฟ้องขอหนังสือรับรองได้
ผู้ที่ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แม้จะมิได้แจ้งการครอบครองไว้ ก็หาทำให้เสียสิทธิครอบครองไปไม่ เป็นแต่เพียงจะยกขึ้นยันรัฐในการที่รัฐจะจัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือยันบุคคลผู้ได้สิทธิมาจากรัฐในการจัดที่ดินไม่ได้เท่านั้น ตราบใดที่รัฐมิได้เข้าจัดที่ดินนั้น ผู้นั้นยังมีสิทธิครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ และมาตรา 59 ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ผู้ครอบครองที่ดินมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน แต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้รวมทั้งผู้ครอบครองต่อเนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีสิทธิขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ เมื่อมีการเดินสำรวจรังวัดในท้องที่นั้นหรือเมื่อมีความจำเป็นอาจจะขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายก็ได้
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ครอบครองตลอดมาแต่มิได้แจ้งการครอบครองไว้ ได้ขอให้จำเลยออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ จำเลยโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ให้งดการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้โจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการลงโทษตามกฎหมายอาวุธปืนฯ และประมวลกฎหมายอาญา
พกปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามควร เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา8 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 กรรมเดียว ลงโทษบทหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 72 ทวิบทเดียว มาตรานี้ไม่บัญญัติให้ริบปืน จึงริบไม่ได้ และนำ มาตรา 371 ซึ่งไม่ใช่บทลงโทษในคดีนี้มาบังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้สมบูรณ์ แม้มีการโต้แย้งเรื่องการข่มขู่ การฟ้องร้องต้องระบุรายละเอียดหนี้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้บริษัทโจทก์ไว้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมอยู่แก่บริษัทโจทก์ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้รับว่าเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ตามจำนวนในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นจริง แต่จำเลยบิดพลิ้วไม่ชำระจึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องที่ได้กล่าวระบุความอันเป็นมูลกรณีที่ทำให้เกิดอำนาจฟ้องร้องของโจทก์ และเหตุที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แล้วแม้จะมิได้ระบุว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมเมื่อเดือนไหน ปีไหน กี่ครั้งก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
จำเลยอ้างว่า ที่จำเลยยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์เพราะบริษัทโจทก์ข่มขู่ว่าจะไม่ส่งน้ำมันที่จำเลยสั่งซื้อให้ จำเลยมีความต้องการที่จะขายน้ำมันของบริษัทโจทก์ต่อไป ทั้งมีลูกค้าสั่งซื้อน้ำมันจากจำเลยรอรับน้ำมันจากจำเลยอยู่เป็นจำนวนมาก หากไม่ได้น้ำมันไปจะต้องถูกต่อว่าและเสียลูกค้าจำนวนมากไป ทั้งจะต้องเสียชื่อเสียงอีกด้วยการข่มขู่ดังกล่าวเป็นภัยที่ถูกคุกคามทำให้หวั่นเกรงต่อเกียรติยศชื่อเสียงในการค้าตกอยู่ภายใต้บังคับจิตใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ จึงย่อมเป็นการถูกต้องชอบธรรมที่บริษัทโจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระ หรือให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ การกระทำของบริษัทโจทก์เป็นเพียงการหาทางตกลงในการคิดบัญชีหนี้สิน หรือการเร่งรัดเอาชำระหนี้จากจำเลยตามสิทธิที่มีอยู่ของบริษัทโจทก์เท่านั้น หาเป็นการข่มขู่อันถึงขนาดที่จะทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 126 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้สมบูรณ์หรือไม่? การข่มขู่เป็นเหตุให้โมฆียะ/โมฆะได้หรือไม่? อำนาจฟ้องและฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลี่ยมตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้บริษัทโจทก์ไว้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลียมอยู่แก่บริษัทโจทก์ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้รับว่าเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ตามจำนวนในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นนั้นจริง แต่จำเลยบิดพลิ้วไม่ชำระ จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ ดังนี้ เป็นฟ้องที่ได้กล่าวระบุความอันเป็นมูลกรณีที่ทำให้เปิดอำนาจฟ้องร้องของโจทก์ และเหตุที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แล้ว แม้จะมิได้ระบุว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ค่าน้ำมันปิโตรเลี่ยม เมื่อเดือนไหน ปีไหน กี่ครั้ง ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
จำเลยอ้างว่า ที่จำเลยยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ เพราะบริษัทโจทก์ข่มขู่ว่าจะไม่ส่งน้ำมันที่จำเลยสั่งซื้อให้ จำเลยมีความต้องการที่จะขายน้ำมันของบริษัทโจทก์ต่อไป ทั้งมีลูกค้าสั่งซื้อน้ำมันจากจำเลยรอรับน้ำมันจากจำเลยอยู่เป็นจำนวนมากหากไม่ได้น้ำมันไปจะถูกต่อว่าและเสียลูกค้าจำนวนมากไป ทั้งจะต้องเสียซื่อเสียงในการค้า ตกอยู่ภายใต้บังคับจิตใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้บริษัทโจทก์ไว้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นหนี้บริษัทโจทก์อยู่ จึงย่อมเป็นการถูกต้องชอบธรรมที่บริษัทโจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระ หรือให้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ การกระทำของบริษัทโจทก์เป็นเพียงการหาทางตกลงในการคิดบัญชีหนี้สิน หรือการเร่งรัดเอาชำระหนี้จากจำเลยตามสิทธิที่มีอยู่ของบริษัทโจทก์เท่านั้น หาเป็นการข่มขู่ถึงขนาดที่จะทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 126 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมที่ศาลยกฟ้องแล้วด้วยเหตุฟ้องซ้ำ ย่อมเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
ปรากฏว่าก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2517 โดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยร้องเท็จขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทของจำเลยในคดีนั้นเสีย และให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147, 148 คดีถึงที่สุดโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่พิพาทแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 149/2517 นั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุผลว่า เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 แล้ว โจทก์จะนำคดีซึ่งเคยถูกยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องซ้ำมารื้อร้องฟ้องอีกหาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องร้องประเด็นเดียวกันซ้ำอีก
ปรากฏว่าก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 149/2517 โดยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยร้องเท็จขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทของจำเลยในคดีนั้นเสีย และให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดพิพาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147, 148 คดีถึงที่สุดโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยอ้างเหตุผลอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่พิพาทแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ดังนี้ เมื่อคดีหมายเลขแดงที่ 149/2517 นั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุผลว่าเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 433/2516 แล้วโจทก์จะนำคดีซึ่งเคยถูกยกฟ้องด้วยเหตุฟ้องซ้ำมารื้อร้องฟ้องอีกหาได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเพื่อประกันหนี้บุคคลอื่น & เช็คล่วงหน้าค้างชำระ: สิทธิของเจ้าหนี้และผลผูกพันสัญญา
ผู้รับจำนองต้องเป็นเจ้าหนี้ในมูลหนี้อันใดอันหนึ่งตามมาตรา702 แต่ผู้จำนองอาจไม่ใช่ตัวลูกหนี้ก็ได้ ตาม มาตรา709จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ที่ 1 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินแก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งไม่ใช่เจ้าหนี้ จำนองจึงบังคับแก่หนี้ที่จำเลยที่ 1กู้โจทก์ที่ 1 ไม่ได้ชำระดอกเบี้ยด้วยเช็ค เจ้าหนี้ไม่เอาเช็คไปขึ้นเงินลูกหนี้ยังต้องชำระดอกเบี้ยตามจำนวนในเช็ค
พยานเอกสารซึ่งผู้อ้างมิได้ส่งสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90 ศาลรับฟังฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้ได้ตามมาตรา87(2) โจทก์ส่งสำเนาพร้อมกับฟ้องก็ใช้ได้ เอกสารที่ต้นฉบับอยู่กับคนภายนอกผู้อ้างไม่ต้องส่งสำเนา
ศาลตรวจพิจารณาลายมือชื่อที่มีข้อคัดค้านว่าเป็นลายมือชื่อปลอมโดยเปรียบเทียบกับลายมือชื่อในเอกสารอื่นที่แท้จริงได้เอง แม้เป็นลายมือชื่อภาษาต่างประเทศ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา46
of 58