พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเข้ากองประจำการสำหรับครูทหารกองเกินที่ยังไม่ได้รับการยกเว้นโดยใบสำคัญ
จำเลยรับราชการเป็นครู และเป็นทหารกองเกิน ได้ยื่นเรื่องราวขอยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยังมิได้ออกใบสำคัญให้จำเลยไว้ ดังนี้ จำเลยยังไม่อยู่ในฐานะบุคคลที่ได้รับการยกเว้นเรียกเข้ากองประจำการ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา14 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรับราชการทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2507 มาตรา 3
จำเลยได้รับหมายเรียกของนายอำเภอ ซึ่งกำหนดให้จำเลยไปรับการตรวจเลือกเข้ารับราชการกองประจำการ ถึงวันนัดจำเลยไม่ไปรับการตรวจเลือก แม้จำเลยจะคิดว่าจำเลยได้รับการผ่อนผันเพราะยื่นเรื่องราวไปแล้ว จึงไม่ไปรับการตรวจเลือกก็ตาม ก็มิใช่อยู่ในข่ายข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 ต้องถือว่าจำเลยหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกเข้ากองประจำการตามหมายเรียก ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 45
จำเลยได้รับหมายเรียกของนายอำเภอ ซึ่งกำหนดให้จำเลยไปรับการตรวจเลือกเข้ารับราชการกองประจำการ ถึงวันนัดจำเลยไม่ไปรับการตรวจเลือก แม้จำเลยจะคิดว่าจำเลยได้รับการผ่อนผันเพราะยื่นเรื่องราวไปแล้ว จึงไม่ไปรับการตรวจเลือกก็ตาม ก็มิใช่อยู่ในข่ายข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 27 ต้องถือว่าจำเลยหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกเข้ากองประจำการตามหมายเรียก ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501-1502/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง และการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากห้องเช่าอันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาทแม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าที่ดินและห้องพิพาทเป็นของบุคคลอื่น ไม่ใช่ของโจทก์ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ยกข้อต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงโดยไม่ปรากฏว่าผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้ทำความเห็นแย้งไว้ หรือรับรองให้อุทธรณ์ หรือได้รับอนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาภาคให้อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาที่ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นการเกินคำขอหรือไม่ศาลอุทธรณ์มิได้ยกขึ้นวินิจฉัยโจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายตามศาลชั้นต้นศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243,247
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด ทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยเดือนละ400 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องของโจทก์ว่า "สำเนาให้จำเลย พิจารณาสั่งในวันนัด" หลังจากนั้นศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อมาจนเสร็จสำนวน โดยมิได้มีคำสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแล้วแต่ประการใด และโจทก์ก็มิได้ทักท้วงขอให้ศาลมีคำสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ จึงไม่อาจถือว่าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงเป็นการเกินคำขอที่มิได้กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
ปัญหาที่ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นการเกินคำขอหรือไม่ศาลอุทธรณ์มิได้ยกขึ้นวินิจฉัยโจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายตามศาลชั้นต้นศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243,247
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด ทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยเดือนละ400 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องของโจทก์ว่า "สำเนาให้จำเลย พิจารณาสั่งในวันนัด" หลังจากนั้นศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อมาจนเสร็จสำนวน โดยมิได้มีคำสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแล้วแต่ประการใด และโจทก์ก็มิได้ทักท้วงขอให้ศาลมีคำสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ จึงไม่อาจถือว่าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงเป็นการเกินคำขอที่มิได้กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสร้างหลักฐานเท็จเกี่ยวกับการสืบราคาจัดซื้อสี การกระทำความผิดมาตรา 162 อาญา
ฟ้องของโจทก์มีความหมายว่า ระหว่างวันเวลาที่โจทก์กล่าวในฟ้องเพื่อที่จำเลยจะซื้อสีและอุปกรณ์การทาสีไว้ทาบ้านพักข้าราชการมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคา และกรรมการมิได้ทำการสืบราคาสีและอุปกรณ์การทาสี แต่จำเลยได้ทำหลักฐานอันเป็นเท็จว่า ได้มีการตั้งกรรมการ และกรรมการได้ทำการสืบราคาถูกต้องตามระเบียบของทางราชการแล้วนั้น มิได้หมายความถึงว่าจำเลยได้ซื้อสีหรืออุปกรณ์การทาสีไว้ก่อนแล้ว โดยมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคาและไม่มีการสืบราคาก่อนซื้อ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้พอเข้าใจได้เป็นทำนองนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อความเท็จเกี่ยวกับการสืบราคาจัดซื้อสีและการพิสูจน์หลักฐานความถูกต้อง
ฟ้องของโจทก์มีความหมายว่า ระหว่างวันเวลาที่โจทก์กล่าวในฟ้องเพื่อที่จำเลยจะซื้อสีและอุปกรณ์การทาสีไว้ทาบ้านพักข้าราชการมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคา และกรรมการมิได้ทำการสืบราคาสีและอุปกรณ์การทาสี แต่จำเลยได้ทำหลักฐานอันเป็นเท็จว่า ได้มีการตั้งกรรมการ และกรรมการได้ทำการสืบราคาถูกต้องตามระเบียบของทางราชการแล้วนั้น มิได้หมายความถึงว่าจำเลยได้ซื้อสีหรืออุปกรณ์การทาสีไว้ก่อนแล้ว โดยมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคาและไม่มีการสืบราคาก่อนซื้อ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้พอเข้าใจได้เป็นทำนองนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องเล็กน้อยในคดีแชร์: ศาลอนุญาตได้หากเป็นข้อผิดพลาดทางตัวเลขและไม่ขัดต่อข้อห้ามตามกฎหมาย
ฟ้องเดิมบรรยายว่า "ลงหุ้นแชร์กันไว้คนละ 200 บาท ต่อเดือน" โจทก์ขอแก้ในวันชี้สองสถาน เป็นว่า "ลงหุ้นแชร์กันไว้ คนละ300 บาทต่อเดือน" ปรากฏว่าฟ้องเดิมของโจทก์บรรยายมาชัดแจ้งว่าจำเลยประมูลแชร์ได้โดยให้ดอกเบี้ย 220 บาท จำเลยจึงต้องส่งเงินแชร์งวดต่อ ๆ ไปเดือนละ 520 บาท เพิ่งค้างส่ง 3 เดือนเป็นเงิน 1,560 บาท ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าโจทก์พิมพ์ตัวเลขผิดพลาดคือพิมพ์เลข 3 เป็นเลข 2 ไป จึงเป็นการขอแก้คำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ศาลย่อมมีอำนาจให้แก้ได้เสมอ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องเล็กน้อยในคดีแชร์: ศาลมีอำนาจอนุญาตได้หากเป็นข้อผิดพลาดในการพิมพ์ตัวเลข
ฟ้องเดิมบรรยายว่า 'ลงหุ้นแชร์กันไว้คนละ 200 บาทต่อเดือน' โจทก์ขอแก้ในวันชี้สองสถาน เป็นว่า 'ลงหุ้นแชร์กันไว้ คนละ 300 บาทต่อเดือน' ปรากฏว่าฟ้องเดิมของโจทก์บรรยายมาชัดแจ้งว่าจำเลยประมูลแชร์ได้โดยให้ดอกเบี้ย 220 บาท จำเลยจึงต้องส่งเงินแชร์งวดต่อ ๆ ไปเดือนละ 520 บาท เพิ่งค้างส่ง 3 เดือนเป็นเงิน 1,560 บาท ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าโจทก์พิมพ์ตัวเลขผิดพลาดคือพิมพ์เลข 3 เป็นเลข 2 ไป จึงเป็นการขอแก้คำผิดเล็ก ๆน้อย ๆศาลย่อมมีอำนาจให้แก้ได้เสมอ กรณีไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: บ้านที่ตกเป็นของภริยาตามทะเบียนหย่า ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของภริยาและสามารถทำพินัยกรรมยกให้ผู้อื่นได้
สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 แล้ว ซึ่งปรากฏในทะเบียนหย่าว่าบ้านพิพาทตกเป็นของภริยาการแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวนี้ย่อมมีผลผูกพันสามี สามีจะโต้แย้งในภายหลังว่าการแบ่งบ้านพิพาทให้นี้ยังมิได้โอนทะเบียนกรรมสิทธิ์ยังเป็นของสามีอยู่หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หาด้วย เมื่อบ้านพิพาทตกเป็นของภริยา ภริยาย่อมทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: บ้านที่ตกเป็นของภริยาตามทะเบียนหย่า ถือเป็นกรรมสิทธิ์ภริยาทำพินัยกรรมยกได้
สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1512 แล้ว ซึ่งปรากฏในทะเบียนหย่าว่าบ้านพิพาทตกเป็นของภริยาการแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวนี้ย่อมมีผลผูกพันสามี สามีจะโต้แย้งในภายหลังว่าการแบ่งบ้านพิพาทให้นี้ยังมิได้โอนทะเบียนกรรมสิทธิ์ยังเป็นของสามีอยู่หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หาด้วย เมื่อบ้านพิพาทตกเป็นของภริยา ภริยาย่อมทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารตึกแถวพิพาทที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งเข้ามาขอให้บังคับโจทก์ต้องเสนอราคาตึกพิพาทที่จะขายให้แก่จำเลยก่อนตามสัญญาเพราะจำเลยสืบทราบมาว่าโจทก์เสนอขายตึกพิพาทแก่บุคคลผู้มีชื่อแล้วนั้น เป็นเรื่องซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแต่ประการใด ศาลจึงไม่ควรรับฟ้องแย้งของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารตึกแถวพิพาทที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งเข้ามาขอให้บังคับโจทก์ต้องเสนอราคาตึกพิพาทที่จะขายให้แก่จำเลยก่อนตามสัญญาเพราะจำเลยสืบทราบมาว่าโจทก์เสนอขายตึกพิพาทแก่บุคคลผู้มีชื่อแล้วนั้น เป็นเรื่องซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแต่ประการใด ศาลจึงไม่ควรรับฟ้องแย้งของจำเลย