พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยแล้ว ถือเป็นการยอมรับผิดในจำนวนเงินดังกล่าว ทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนนั้น
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยยื่นคำร้องขอวางเงิน 190,000 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ไม่ได้โต้เถียงกันพร้อมทั้งดอกเบี้ยเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ และโจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว แม้จำเลยจะนำเงินมาชำระหนี้โดยวางเงินต่อศาลไม่เต็มตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้องก็ตาม แต่จำเลยก็ได้แถลงยอมรับผิดในจำนวนเงิน 190,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งยอมให้โจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวนั้นไปได้ และโจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากศาลแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 135,136 วรรคแรกจำเลยจึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 190,000 บาท ตั้งแต่วันที่วางต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้บางส่วนโดยยอมรับผิด ย่อมทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนที่ชำระแล้ว
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยยื่นคำร้องขอวางเงิน 190,000 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ ไม่ได้โต้เถียงกันพร้อมทั้งดอกเบี้ยเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ และโจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว แม้จำเลยจะนำเงินมาชำระหนี้โดยวางเงินต่อศาลไม่เต็มตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้องก็ตามแต่จำเลยก็ได้แถลงยอมรับผิดในจำนวนเงิน 190,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ทั้งยอมให้โจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวนั้นไปได้และโจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากศาลแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 135, 136 วรรคแรกจำเลยจึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 190,000 บาท ตั้งแต่วันที่วางต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมฎีกา: พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะพึงขยายเวลาได้
ทนายจำเลยยื่นฎีกาในวันสุดท้ายก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน 7 วัน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลย เนื่องจากจำเลยอยู่บ้านนอกไม่ได้มาติดต่อกับทนายจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะได้รับจดหมายที่ทนายจำเลยให้ผู้มีชื่อเขียนบอกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลยแล้วหรือไม่ ดังนี้ คำร้องของทนายจำเลยดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลฎีกา: เหตุผลพิเศษที่ไม่สามารถชำระได้ ศาลไม่อนุญาตขยายเวลา
ทนายจำเลยยื่นฎีกาในวันสุดท้ายก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน 7 วัน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลย เนื่องจากจำเลยอยู่บ้านนอก ไม่ได้มาติดต่อกับทนายจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะได้รับจดหมายที่ทนายจำเลยให้ผู้มีชื่อเขียนบอกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลยแล้วหรือไม่ ดังนี้ คำร้องของทนายจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยปืนปลอมทำให้ผู้อื่นกลัวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยอาวุธปืน (ของเล่น) ทำให้ผู้อื่นกลัว ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกสถานที่ราชการ: การตีความ 'ไม่มีเหตุอันสมควร' จากคำบรรยายฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรแม้ข้อที่ว่าโดยไม่มีเหตุสมควรนั้นเป็นองค์ประกอบความผิดของมาตรา 364 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ก็เป็นองค์ประกอบความผิดสำหรับการกระทำโดยการเข้าไปหรือซ่อนตัวเท่านั้น และคำว่า "บังอาจบุกรุก" ที่โจทก์บรรยายฟ้องมา ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้โจทก์ยังได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้จำเลยเข้าไปได้ไล่ให้ออกจำเลยก็ไม่ยอมออกไปเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงตรงกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364ในตอนที่ว่า "หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก" และการไม่ยอมออกนี้ หาจำต้องกล่าวในฟ้องว่ากระทำโดยไม่มีเหตุอันสมควรด้วยไม่ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกสถานที่ราชการ: คำว่า 'บังอาจบุกรุก' แสดงถึงเจตนา 'ไม่มีเหตุอันสมควร' ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรแม้ข้อที่ว่าโดยไม่มีเหตุสมควรนั้นเป็นองค์ประกอบความผิดของมาตรา 364 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ก็เป็นองค์ประกอบความผิดสำหรับการกระทำโดยการเข้าไป หรือซ่อนตัวเท่านั้น และคำว่า 'บังอาจบุกรุก' ที่โจทก์บรรยายฟ้องมา ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้โจทก์ยังได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้จำเลยเข้าไปได้ไล่ให้ออกจำเลยก็ไม่ยอมออกไปเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงตรงกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364ในตอนที่ว่า 'หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก' และการไม่ยอมออกนี้ หาจำต้องกล่าวในฟ้องว่ากระทำโดยไม่มีเหตุอันสมควรด้วยไม่ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาข้อเท็จจริงในความผิดอาวุธปืนฯ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และโทษไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดจำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและลงโทษเท่าเดิม ส่วนข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้น คงยืนตามศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างจะมิได้กำหนดโทษในความผิดฐานนี้ไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปีจะกำหนดโทษเกิน 5 ปีย่อมไม่ได้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดโทษอาวุธปืน: แม้ศาลชั้นต้นไม่กำหนดโทษ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี จำเลยจึงฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดจำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและลงโทษเท่าเดิม ส่วนข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้นคงยืนตามศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างจะมิได้กำหนดโทษในความผิดฐานนี้ไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปีจะกำหนดโทษเกิน 5 ปีย่อมไม่ได้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้