คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สงวน สิทธิไชย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 575 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อในสัญญาประกันภัย: การตีความผู้เอาประกันภัยที่แท้จริงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะจากผู้เช่าซื้อเป็นเจ้าของ
โจทก์ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ครบถ้วนแล้ว ได้เอารถยนต์ไปประกันภัยกับบริษัทจำเลย โดยผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้แนะนำและได้รับค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทจำเลย และเป็นผู้รับฝากเงินเบี้ยประกันภัยจากโจทก์เพื่อชำระให้แก่บริษัทจำเลยการที่มีชื่อผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้เอาประกันในกรมธรรม์ แต่ในวงเล็บมีชื่อโจทก์และที่อยู่ของผู้เอาประกันก็ลงที่อยู่ของโจทก์ ทั้งนี้ โดยผู้ให้เช่าซื้อมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยนั้น หลังจากโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนก็เพื่อเป็นการสะดวกแก่การที่จำเลยจะมาเก็บเงินและเพื่อผู้ใช้เช่าซื้อจะได้ค่าคอมมิชชั่นด้วยเท่านั้น โจทก์ผู้เช่าซื้อจึงเป็นผู้เอาประกันภัย มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยผู้รับประกันภัยเกี่ยวกับความเสียหายของรถยนต์ของโจทก์ที่เอาประกันภัยไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องยื่นจดทะเบียนก่อน หากถูกปฏิเสธจึงฟ้องได้
บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิด ก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อสำนักทะเบียนถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียนบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีมาฟ้องศาลได้โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กชายโอภาสต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืน ให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจดทะเบียนรับรองบุตร ต้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนก่อน หากถูกคัดค้านจึงฟ้องศาลได้
บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิดก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมยต่อสำนักทะเบียน ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียน บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีฟ้องศาลได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กขายโอภาส ต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เกิดขึ้นแก่โจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
โจทก็์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืนให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับคำร้องอนาถา: กำหนดเวลา 7 วัน และคำสั่งสุดท้ายของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลขั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลและการถือเป็นคนอนาถา หากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ถือเป็นคำสั่งสุดท้าย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชนมีน้ำหนักต่อการรับฟังข้อเท็จจริง ผู้ร้องไม่สามารถหักล้างได้
สัญญาจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามโฉนดและจดทะเบียนจำนองเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งสันนิษฐานว่าแท้จริงและถูกต้อง เมื่อมิได้นำสืบหักล้างก็ฟังตามนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องถือเป็นความผิดพลาด ทำให้การต่อสู้ของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกขอแสดงกรรมสิทธิ์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์และครอบครองปรปักษ์กว่า 10 ปี ศาลชั้นต้นกะประเด็นว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์หรือไม่ ดังนี้ ไม่มีประเด็นในฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่ดินจดทะเบียนโดยสุจริต ศาลยกขึ้นวินิจฉัยให้โจทก์ชนะคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อในการช่วยเหลือผู้ตกน้ำ เรือถอยหลังฟันคนตาย ขาดความระวังตามควร
คนโดยสารเรือยนต์ตกน้ำ เรือถอยหลังไปช่วย ทำให้ใบจักรฟันคนที่ตกน้ำตาย แทนที่จะโยนชูชีพลงไปช่วยตามข้อบังคับการเดินเรือเป็นการขาดความระวังตามควรแก่เหตุการณ์และนายท้ายผู้ประกอบวิชาชีพเดินเรือควรได้คาดคิด จึงเป็นประมาททำให้คนตายตาม มาตรา 291
ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังและพิพากษายืน ให้ยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาฟังพยานในสำนวนเพิ่มเติมให้พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่น และผลผูกพันของคำพิพากษาต่อจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาท จำเลยต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของ จ. ซึ่งต่อมาได้เข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยเข้าทำนาพิพาทแทนจำเลยร่วมเช่นนี้ การที่จำเลยเข้าไปทำนาพิพาทจึงมิใช่เข้าไปยึดถือโดยเจตนาที่จะยึดถือเพื่อตน หากแต่เป็นการเข้าไปครอบครองแทนจำเลยร่วม เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมซึ่งอ้างว่าที่นาพิพาทเป็นของตนมิได้ฎีกา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ชี้ขาดว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันจำเลยและจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 คดีฟังเป็นยุติได้ว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยซึ่งเข้าทำนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยร่วมจึงไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะโต้แย้งโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนจำเลยร่วม: คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผูกพันทุกฝ่ายเมื่อจำเลยร่วมไม่คัดค้าน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่นาพิพาท จำเลยต่อสู้ว่านาพิพาท เป็นของ จ. ซึ่งต่อมาได้เข้ามาเป็นจำเลยร่วมจำเลยเข้าทำนาพิพาทแทนจำเลยร่วมเช่นนี้การที่จำเลยเข้าไปทำนาพิพาทจึงมิใช่เข้าไปยึดถือโดยเจตนาที่จะยึดถือเพื่อตนหากแต่เป็นการเข้าไปครอบครองแทนจำเลยร่วมเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมซึ่งอ้างว่าที่นาพิพาทเป็นของตนมิได้ฎีกา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ชี้ขาดว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันจำเลยและจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 คดีฟังเป็นยุติได้ว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยซึ่งเข้าทำนา พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยร่วมจึงไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะโต้แย้งโจทก์ได้
of 58