พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602-1603/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ขัดต่อหลักกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ
บทกฎหมายใดก็ตามที่บัญญัติให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นที่เขามิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และทรัพย์นั้นไม่ใช่ทรัพย์ที่บุคคลทำหรือมีไว้เป็นความผิดแล้ว ย่อมขัดกับการลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ในระหว่างใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ศาลตีความมาแล้วว่า บทบัญญัติเช่นนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยใช้บังคับมิได้ (อ้างฎีกาที่ 225/2506)
พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 ที่บัญญัติให้เพิ่มความเป็นมาตรา 74 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งบัญญัติให้ริบเครื่องมือเครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ฯลฯ ซึ่งบุคคลใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่นั้น ย่อมถือหรือตีความได้ว่าไม่มีความมุ่งหมายที่จะลงโทษผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของช้างรายพิพาทซึ่งมิใช่ทรัพย์ที่บุคคลทำหรือมีไว้เป็นความผิด และผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 ที่บัญญัติให้เพิ่มความเป็นมาตรา 74 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งบัญญัติให้ริบเครื่องมือเครื่องใช้ สัตว์พาหนะ ฯลฯ ซึ่งบุคคลใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่นั้น ย่อมถือหรือตีความได้ว่าไม่มีความมุ่งหมายที่จะลงโทษผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของช้างรายพิพาทซึ่งมิใช่ทรัพย์ที่บุคคลทำหรือมีไว้เป็นความผิด และผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้ผิดกฎหมาย เมื่อผู้ขับขี่รู้เห็นเป็นใจ
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ที่ตัดและแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้มีชื่อ โดยจำเลยเป็นผู้ขับขี่เองและรู้เห็นเป็นใจด้วย รถยนต์ดังกล่าวของจำเลยเป็นยานพาหนะ ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเกวียนและกระบือที่ใช้ในการขนย้ายไม้ผิดกฎหมาย ถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด
การใช้เกวียนและกระบือบรรทุกไม้แปรรูปผิดกฎหมายจากป่ามาไว้ที่เรือนนั้นเป็นการใช้เกวียนและกระบือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด เกวียนและกระบือต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 18
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993-996/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเกวียนและกระบือที่ใช้ในการลักลอบขนไม้แปรรูปผิดกฎหมาย
การที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 120 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม้นั้นเจ้าพนักงานจับได้ขณะบรรทุกอยู่เกวียนซึ่งเทียมด้วยกระบือนั้น ต้องฟังว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและกระบือเป็นพาหนะลากเข็นไม้แปรรูป ถือได้ว่าเกวียนและกระบือนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองแล้ว จึงเป็นองต้องริบตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (เกวียนและโค) ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและขอให้ริบไม้และเกวียนโคของกลางด้วยคดีได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้บรรทุกใส่เกวียนเทียมโคเห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดคือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาต โคและเกวียนจึงเป็นสิ่งพึงต้องริบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโคอันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง และขอให้ริบไม้กับเกวียนโคของกลางด้วยเมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้ ก็เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองแล้วให้ริบเสียด้วยได้จำเลยจะอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโคอันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง และขอให้ริบไม้กับเกวียนโคของกลางด้วยเมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้ ก็เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองแล้วให้ริบเสียด้วยได้จำเลยจะอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (เกวียน, โค) ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยการรับสารภาพของจำเลย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำการแปรรูปไม้สักและมีไม้สักแปรรูปไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ตามฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่าเกวียน 1 เล่ม โค 2 ตัวของกลางที่โจทก์ขอให้ริบนั้นเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยร่วมกันใช้ในการกระทำผิดและใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดคดีนี้ ย่อมหมายความว่า รวมทั้งจำเลยร่วมกันใช้เกวียนและโคนั้นเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด คือ การแปรรูปไม้สักและมีไม้สักแปรรูปไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยนั่นเอง เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่ต่อสู้คดี ก็ต้องถือว่า เกวียนและโคของกลางนั้นเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้ ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องอันต้องริบเสียตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบยานพาหนะ (เกวียนและโค) ที่ใช้ในการกระทำผิดตัดไม้ทำลายป่า แม้เจ้าของยานพาหนะจะไม่ได้ถูกลงโทษในความผิดนั้นโดยตรง
เมื่อปรากฏว่า เกวียนและโคของกลางใช้บรรทุกไม้ท่อนซึ่งตัดโดยผิดกฎหมายแล้วชักลากออกจากป่าเพื่อจะเอาไม้นั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นเจ้าของเกวียนหรือผู้ใช้เกวียนนั้นได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ได้ช่วยขนไม้นี้ออกจากป่า แม้จะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ แล้วเกวียนและโคเหล่านั้นย่อมนับได้ว่าเป็นยานพาหนะซึ่งบุคคลได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดตามมาตรา 11 จึงเป็นยานพาหนะที่เข้าข่ายต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 แม้ถึงว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 จะมิได้ถูกลงโทษในความผิดตามมาตรา 11 ด้วยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และเครื่องมือที่ใช้ต้องถูกริบ
เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องว่า จำเลยได้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยมิได้ขออนุญาตก่อนตั้งจริง แม้จำเลยจะแก้ว่าเป็นการทดลองเครื่องเลื่อยไม่ได้เรียบร้อยแล้วจึงจะไปขออนุญาตตั้งทีหลัง ก็หาทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตไม่ กรณีเช่นนี้บรรดาเครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้ใช้ในการกระทำผิดย่อมต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ของผู้เช่าซื้อที่ใช้ในการกระทำผิดป่าไม้ แม้เจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจ
รถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกไม้สักยังมิได้แปรรูป ไม่มีตราค่าภาคหลวงหรือรอยตราของรัฐบาลประทับ (อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 - มาตรา 69) ซึ่งจะต้องถูกริบตามมาตรา 74 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 นั้น เมื่อปรากฏว่ารถยนต์นั้นจำเลยเช่าซื้อมาจากผู้ร้องชำระเงินยังไม่ครบ กรรมสิทธิ์จึงยังเป็นของผู้ร้องอยู่ การริบทรัพย์เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องมิได้มีส่วนกระทำหรือรู้เห็นด้วย ก็ต้องคืนรถยนต์ให้แก่ผู้ร้องไป เพราะพระราชบัญญัติป่าไม้ไม่มุ่งหมายที่จะลงโทษบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์จากความผิดป่าไม้: สิทธิขอคืนของผู้ไม่รู้เห็นการกระทำผิด
ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไม่รับอนุญาตและริบรถยนต์ของกลาง ที่ใช้บรรทุกไม้นั้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลย ขอให้ศาลสั่งคืน โจทก์แถลงรับว่าเป็นความจริงแต่จะมาขอคืนไม่ได้
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
ข้อความตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503มาตรา 18 บัญญัติเฉพาะเรื่องริบทรัพย์และมิได้มีข้อความอย่างไรเป็นพิเศษว่าการริบนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเป็นของบุคคลใด และเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดนั้นหรือไม่ ผู้ร้องจึงขอคืนรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36