คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ล้วน นิลกำแหง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีอากร: สิทธิประเมินภาษีค้าง, การยกเว้นภาษี, ค่าใช้จ่ายหักลดหย่อน, และช่วงทรัพย์มรดก
คำสั่งตามมติคณะรัฐมนตรีในสมัยปฏิวัติ ไม่ใช่คำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติ จึงไม่ใช่กฎหมายที่จะลบล้างประมวลรัษฎากรที่ให้ตรวจสอบภาษีค้างจ่ายได้
เจ้าพนักงานประเมินเรียกไต่สวนได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 23 และแจ้งจำนวนภาษีค้างได้ภายใน 10 ปี ตาม มาตรา 24 เมื่อมีอุทธรณ์ต่อไปโดยชำระภาษีแล้ว และโจทก์ฟ้องคดีนี้คัดค้านการประเมินไม่เกิน 10 ปี ตั้งแต่วันเรียกให้โจทก์ชำระภาษี สิทธิเรียกร้องค่าภาษีอากรไม่ขาดอายุความ
ขายที่ดินและทรัพย์อื่นที่ได้รับมรดกมา นำเงินไปซื้อที่ดินมาจัดสรร ไม่ใช่ช่วงทรัพย์ตาม มาตรา 226 วรรค 2
ขายที่ดินจัดสรรเป็นการค้าไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ แม้จะขายที่ดิน โดยมิใช่การค้าก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดไว้โดยอนุมัติรัฐมนตรี มิฉะนั้นไม่ได้รับยกเว้นตาม มาตรา 42(9)
ผู้มีเงินได้ยื่นประเมินแล้วเจ้าพนักงานเรียกไต่สวนได้ภายใน 5 ปีนับแต่วันยื่นรายการตาม มาตรา 19 กรณีที่ไม่ได้ยื่นประเมินเจ้าพนักงานเรียกมาไต่สวนได้ตาม มาตรา 23,24 ไม่อยู่ในบังคับ 5 ปีนั้น
ค่าใช้จ่ายหักได้ในการขายสิ่งอุปโภค ฯลฯ และสิ่งอื่นนอกจากที่ระบุไว้ร้อยละ 95 ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2496 มาตรา 3(32)นั้น "สิ่ง" หมายความถึงสังหาริมทรัพย์ตามพจนานุกรม ไม่หมายถึงที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกหนี้จากผู้ค้ำประกันหลังลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และประเด็นการทวงถามหนี้
ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ไม่ขอพิสูจน์หนี้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้จากผู้ค้ำประกันซึ่งรับผิดร่วมกับลูกหนี้ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ทวงถามก่อนฟ้องไม่เป็นประเด็น ให้งดสืบพยาน จำเลยโต้แย้งคำสั่งให้งดสืบพยานแต่ไม่โต้แย้ง คำสั่งที่ว่าไม่มีประเด็นเรื่องทวงถาม จำเลยอุทธรณ์เรื่องมีประเด็นว่า โจทก์ไม่ทวงถามไม่ได้
ศาลให้ผู้ค้ำประกันเสียค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ได้ มิใช่กรณีให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมที่ลูกหนี้ต้องเสียไป ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 684

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องระบุข้อความที่เป็นการใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงชัดเจน การกล่าวอ้างถึงการแพร่ข่าวโคมลอยโดยไม่ระบุรายละเอียดไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยเขียนจดหมายถึงสามีโจทก์โดยใส่รวมไปในซองเดียวกับจดหมายที่จำเลยเขียนถึง น.มีข้อความว่า เพราะข่าวต่างๆซึ่งสามีโจทก์และโจทก์ชอบกุข่าวโคมลอยอยู่เสมอๆเพื่อให้ผลเสียหายเกิดแก่จำเลย ข้อความดังกล่าวไม่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์แพร่ข่าว ที่ไม่จริงในเรื่องใด จึงไม่อาจฟังว่าเป็นการทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาท - การกล่าวหาแพร่ข่าวไม่จริงต้องระบุรายละเอียด - ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหากไม่ชัดเจน
จำเลยเขียนจดหมายถึงสามีโจทก์โดยใส่รวมไปในซองเดียวกับจดหมายที่จำเลยเขียนถึง น. มีข้อความว่า เพราะข่าวต่าง ๆ ซึ่งสามีโจทก์และโจทก์ชอบกุข่าวโคมลอยอยู่เสมอ ๆ เพื่อให้ผลเสียหายเกิดแก่จำเลย ข้อความดังกล่าวไม่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์แพร่ข่าวที่ไม่จริงในเรื่องใด จึงไม่อาจฟังว่าเป็นการทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเครื่องเหล็กราคาสูงกว่า 500 บาท การส่งมอบเป็นชำระหนี้บางส่วน สิทธิเรียกร้องราคา และอายุความ
ซื้อเครื่องเหล็กราคากว่า 500 บาท ผู้ขายส่งมอบของเป็นการชำระหนี้บางส่วน มีสิทธิฟ้องเรียกราคาได้ ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
กำหนดชำระราคาสินค้างวดแรกเมื่อพ้น 3 เดือน ส่งสินค้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 ครบกำหนดอายุความ 2 ปีวันที่ 28 พฤษภาคม 2515 โจทก์ฟ้องเรียกราคาวันที่ 26 พฤษภาคม จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จะซื้อจะขายที่ดิน: การครอบครองไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้ผู้ซื้อครอบครองนานและเตือนให้จดทะเบียน
ซื้อขายที่ดินมีโฉนด ผู้ซื้อครอบครองแล้ว แต่มีข้อสัญญาจะไปจดทะเบียนโอนและเคยเตือนให้โอน เป็นจะซื้อจะขายผู้ซื้อครอบครองกว่า 10 ปี ไม่ได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดชำระภาษีและผลกระทบต่อสิทธิในคดีล้มละลาย
หนี้ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการค้า และเงินเพิ่มที่เจ้าพนักงานประเมินเพราะยื่นรายการไม่ถูกต้อง ถือว่าถึงกำหนดชำระตั้งแต่ครบ 150 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65,68,69 มิใช่ตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งให้ผู้ต้องเสียภาษีทราบ ถ้าเกิน 6 เดือนก็ไม่มีบุริมสิทธิตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561-1562/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินระหว่างคู่ความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ต้องพิสูจน์การร่วมแรงร่วมทุน
ชายและหญิงที่อยู่กินฉันสามีภริยากันหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากชายหรือหญิงได้ทรัพย์สินใดมาในระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยากัน ทรัพย์นั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างชายกับหญิงก็ต่อเมื่อชายและหญิงได้ร่วมแรงรวมทุนหาทรัพย์สินนั้นมา หากเป็นทรัพย์สินที่บุคคลอื่นยกให้แก่ชายหรือหญิง หรือชายหรือหญิงได้มาด้วยแรงหรือด้วยทุนของตน ทรัพย์สินนั้นก็เป็นกรรมสิทธิ์ของชายหรือหญิงซึ่งได้รับการยกให้หรือซึ่งออกทุนออกแรงแต่ฝ่ายเดียว ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
จำเลยและผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยาหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินกับผู้ร้องได้รับ ยกให้ที่ดินพิพาท ต่อมาผู้ร้องขายที่ดินพิพาทให้แก่ บ.แล้วซื้อคืนจาก บ. โดยไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเอาเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันไปซื้อคืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาได้นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดและมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ผู้ร้องจึงร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ ดังนี้กรณีต้องสันนิษฐานว่าผู้ร้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่ผู้เดียว เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวให้ได้ความว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทคืนด้วยเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน มิฉะนั้นโจทก์จะยึดที่พิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานกรอกข้อมูลเท็จในเอกสารราชการเพื่อออกหนังสือเดินทางให้ผู้กระทำผิด
จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ ประจำกองกำกับการ 2 สันติบาลมีหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนพระภิกษุสงฆ์ ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยไปจดบันทึกคำให้การของบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทาง และผู้ทำสัญญารับรองบุคคลผู้ขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ จำเลยจึงมีหน้าที่จดบันทึกคำให้การของบุคคลดังกล่าว ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งด้วยลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจาเมื่อจำเลยกรอกข้อความเท็จลงในบันทึกคำให้การโดยผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯ ไม่ได้มาให้การและมิได้ให้การเช่นนั้น ทั้งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อความเท็จ แล้วจำเลยรับรองเป็นหลักฐานว่าผู้ขอหนังสือเดินทางและผู้ทำสัญญารับรองฯได้ให้การตามข้อความที่จำเลยจดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) และ(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466-1468/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกี่ยวเนื่องกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าเดือนละ 150 บาท และเรียกค่าเสียหายเดือนละ 10,000 บาทนับจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกจากตึกพิพาทเสร็จสิ้น โจทก์มิได้เรียกร้องค่าเสียหายนี้มาอย่างเอกเทศในข้อหาอื่น หากแต่เรียกร้องมาเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง
โจทก์เป็นผู้รับโอนที่ดินและตึกแถวที่พิพาทโดยสุจริตจากผู้จัดการมรดกของเจ้าของที่ดินพิพาทเดิม แม้ว่าจะมีสัญญาต่างตอบแทนกันอยู่ระหว่างเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมกับจำเลยนอกเหนือไปจากสัญญาเช่า สัญญาต่างตอบแทนนี้ก็เพียงแต่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิ อันมีผลผูกพันเฉพาะคู่สัญญาด้วยกันเองเท่านั้น สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาต่างตอบแทนนั้นหาได้โอนไปยังผู้รับโอนทรัพย์ที่พิพาทด้วยไม่
หมายเหตุ วรรค 1 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2518 )
of 28