คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ล้วน นิลกำแหง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานบุกรุก: การพิจารณาบทมาตราที่เหมาะสมเมื่อกระทำโดยกลุ่มบุคคล
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) เพราะเป็นการบุกรุกซึ่งมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกระทำผิดด้วยแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดฐานบุกรุกอันไม่มีเหตุฉกรรจ์อีกบทหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกโดยมีหลายคนร่วมกระทำผิด ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกทั่วไป
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) เพราะเป็นการบุกรุกซึ่งมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกระทำผิดด้วยแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดฐานบุกรุกอันไม่มีเหตุฉกรรจ์อีกบทหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขับรถที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น แม้ไม่ได้ประมาท การแจ้งเหตุเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ขับรถเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น แม้จะหยุดกระทำการช่วยเหลือตามสมควรแล้วและมิได้จงใจหลบหนี แต่ละเลยไม่ไปแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ผู้ขับรถนั้นย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 30 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้ขับขี่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แม้ไม่ได้ประมาท การไม่แจ้งเหตุถือเป็นความผิด
ผู้ขับรถเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นนั้น แม้จะหยุดกระทำการช่วยเหลือตามสมควรแล้ว และมิได้จงใจหลบหนี แต่ละเลยไม่ไปแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ผู้ขับรถนั้นย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 30 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์จากการหลอกลวงและเจตนาที่ไม่ตรงกัน ผู้กู้มีสิทธินำสืบหักล้างได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าจำเลยตกลงขายที่สวนให้โจทก์ แต่โจทก์กลับหลอกลวงให้ทำหนังสือสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงิน ดังนี้ เป็นการต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญากู้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ไม่สมบูรณ์จากการหลอกลวง: จำเลยมีสิทธิโต้แย้งได้ก่อน โดยไม่ขัดมาตรา 94
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าจำเลยตกลงขายที่สวนให้โจทก์ แต่โจทก์กลับหลอกลวงให้ทำหนังสือสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงินดังนี้ เป็นการต่อสู้ว่า สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญากู้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตใบอนุญาตค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง: ใช้ได้ทั่วไปในจังหวัดที่ออกใบอนุญาต ตราบเท่าที่ไม่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย
ใบอนุญาตระบุข้อความว่า ให้จำเลยค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมีสถานการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองชื่อห้องภาพสุราษฎร์ ฯลฯ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และระบุว่าจำเลยตั้งสถานการค้าอยู่ ณ ที่ใดเท่านั้น แต่จะใช้คุ้มครองได้ภายในเขตท้องที่ใดเพียงใดไม่มีระบุไว้ ทั้งไม่มีข้อห้ามว่าจำเลยจะทำการค้า นอกสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และกฎกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ. 2505) ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับเขตของใบอนุญาตหรือมีข้อห้ามประการใดเกี่ยวกับวิธีการทำการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองนอกสถานที่ ทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองก็กำหนดไว้เพียงอัตราเดียวมิได้กำหนดให้แบ่งแยกเขตไว้อย่างใบอนุญาตให้ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองจึงใช้ได้ทั่วไปในจังหวัดที่ได้รับใบอนุญาต การที่จำเลยไปซื้อนกขุนทองและถูกจับพร้อมด้วยนกขุนทองที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดเดียวกัน จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตใบอนุญาตค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง: ใบอนุญาตใช้ได้ทั่วไปในจังหวัดที่ออก ไม่จำกัดสถานที่ค้า
ใบอนุญาตระบุข้อความว่า ให้จำเลยค้าหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมีสถานการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองชื่อห้องภาพสุราษฎร์ ฯลฯ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และระบุว่าจำเลยตั้งสถานการค้าอยู่ ณที่ใดเท่านั้น แต่จะใช้คุ้มครองได้ภายในเขตท้องที่ใดเพียงใดไม่มีระบุไว้ ทั้งไม่มีข้อห้ามว่าจำเลยจะทำการค้านอกสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และกฎกระทรวงฉบับที่ 3(พ.ศ. 2505) ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับเขตของใบอนุญาตหรือมีข้อห้ามประการใดเกี่ยวกับวิธีการทำการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองนอกสถานที่ ทั้งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองก็กำหนดไว้เพียงอัตราเดียว มิได้กำหนดให้แบ่งแยกเขตไว้อย่างใบอนุญาตให้ล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองจึงใช้ได้ทั่วไปในจังหวัดที่ได้รับใบอนุญาต การที่จำเลยไปซื้อนกขุนทองและถูกจับพร้อมด้วยนกขุนทองที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดเดียวกัน จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยการทำลายทรัพย์สินและการข่มขู่ทางวาจาเข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
การขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ อันจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้น อาจขู่ตรงๆ ก็ได้หรือใช้ถ้อยคำทำกิริยา หรือทำประการใด อันเป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจได้ว่าจะได้รับภัยจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญก็ได้
จำเลยกับพวกอีก 3 คนซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นคนที่คุ้นเคยรักชอบพอกับผู้เสียหายพอที่จะขอเงินกันได้ มาเตะรั้วสังกะสีและระเบียงเรือนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายออกมาดู จำเลยขอเงิน12 บาท ผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยกับพวกช่วยกันเตะรั้วและระเบียงเรือนจนสังกะสีรั้วหลุดออก 3 แผ่น และไม้ระแนงระเบียงเรือนหลุดหลายอันถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายกลัวรั้วจะพังและกลัวจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมให้เงินแก่จำเลยไป10 บาท จำเลยรับเงินแล้งยังพูดขู่เข็ญอีกว่า'ทีหลังถ้ากูมาอยากได้อะไร ให้ตามใจกูนะ' ซึ่งเข้าใจได้ว่าถ้าไม่ให้จะต้องถูกทำร้ายการกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญโดยการทำลายทรัพย์สินและการข่มขู่ด้วยคำพูด ถือเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์ได้
การขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ อันจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นอาจขู่ตรงๆ ก็ได้ หรือใช้ถ้อยคำทำกิริยาหรือทำประการใดอันเป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจได้ว่าจะได้รับภัยจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญก็ได้
จำเลยกับพวกอีก 3 คนซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นคนที่คุ้นเคยรักชอบพอกับผู้เสียหายพอที่จะขอเงินกันได้ มาเตะรั้วสังกะสีและระเบียงเรือนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายออกมาดู จำเลยขอเงิน 12 บาท ผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยกับพวกช่วยกันเตะรั้วและระเบียงเรือนจนสังกะสีรั้วหลุดออก 3 แผ่น และไม้ระแนงระเบียงเรือนหลุดหลายอันถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายกลัวรั้วจะพังและกลัวจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมให้เงินแก่จำเลยไป 10 บาท จำเลยรับเงินแล้งยังพูดขู่เข็ญอีกว่า 'ทีหลังถ้ากูมาอยากได้อะไร ให้ตามใจกูนะ' ซึ่งเข้าใจได้ว่าถ้าไม่ให้จะต้องถูกทำร้าย การกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว
of 28