พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษโดยศาลอุทธรณ์ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความจึงไม่อาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 72 ให้จำคุก 15 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุก 5 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมาเป็นการแก้เฉพาะกำหนดโทษโดยมิได้แก้บทความผิด ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2516)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายงานศพตามฐานะผู้ตาย: ค่าพิมพ์หนังสือและเจดีย์ถือเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็น
ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือแจกงานศพและค่าเจดีย์บรรจุอัฐิของผู้ตาย ถ้าได้จ่ายไปเป็นจำนวนตามสมควรแก่ฐานะของผู้ตายถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 443 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน: หลักฐานการใช้เงิน และการนำสืบพยานบุคคล
กู้ยืมเงินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะนำสืบการใช้เงินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง เท่านั้นผู้กู้เงินจะนำสืบพยานบุคคลไม่ได้ว่าได้ชำระต้นเงินกู้แล้ว แต่โจทก์ไม่คืนสัญญากู้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2600/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อโกงและการมีอำนาจร้องทุกข์ แม้มีการชำระหนี้บางส่วน ผู้ถูกหลอกลวงยังคงเป็นผู้เสียหาย
ป. ตกลงว่าจ้าง ส. ซ่อมรถยนต์คิดเป็นเงิน 12,500 บาทในระหว่างกำลังซ่อม จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. ได้หลอกลวง ป. ให้หลงเชื่อว่าทางอู่ของ ส. ให้จำเลยมาขอรับเงิน 5,000 บาทเพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่ในการซ่อมรถป. จึงมอบเงินให้จำเลยไป เมื่อ ป. นำเงินค่าซ่อมอีก 7,500 บาทไปชำระให้ ส. จึงรู้ว่า ส. ไม่ได้ใช้จำเลยไปเอาเงิน ดังนี้ ถือได้ว่า ป. ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว จึงมีอำนาจร้องทุกข์ได้ ถึงแม้ ส. จะรับเงินค่าซ่อมอีกเพียง 7,500 บาทไว้จาก ป. และมอบรถให้ ป. ไปแล้วก็ตามเป็นเรื่องระหว่าง ป. กับ ส. ไม่เกี่ยวกับจำเลยและเงินที่จำเลยรับไป ไม่ทำให้ ป. ผู้ถูกหลอกลวงพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2600/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อโกง: ผู้ถูกหลอกลวงมีอำนาจร้องทุกข์ แม้จะชำระเงินบางส่วนแล้ว
ป. ตกลงว่าจ้าง ส. ซ่อมรถยนต์คิดเป็นเงิน 12,500 บาทในระหว่างกำลังซ่อม จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. ได้หลอกลวง ป.ให้หลงเชื่อว่าทางอู่ของ ส. ให้จำเลยมาขอรับเงิน 5,000 บาทเพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่ในการซ่อมรถป. จึงมอบเงินให้จำเลยไปเมื่อ ป. นำเงินค่าซ่อมอีก 7,500 บาทไปชำระให้ ส. จึงรู้ว่า ส.ไม่ได้ใช้จำเลยไปเอาเงิน ดังนี้ ถือได้ว่า ป. ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว จึงมีอำนาจร้องทุกข์ได้ ถึงแม้ ส.จะรับเงินค่าซ่อมอีกเพียง 7,500 บาทไว้จาก ป. และมอบรถให้ป. ไปแล้วก็ตามเป็นเรื่องระหว่าง ป. กับ ส. ไม่เกี่ยวกับจำเลยและเงินที่จำเลยรับไป ไม่ทำให้ ป. ผู้ถูกหลอกลวงพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือจากการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32 (2) (4)ให้อำนาจรัฐมนตรีประกาศกำหนดมิให้ใช้เครื่องมือทำการประมงอย่างหนึ่งอย่างใดในที่จับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาดและกำหนดวิธีใช้เครื่องมือทำการประมงต่าง ๆ เมื่อรัฐมนตรีได้ประกาศกำหนดเครื่องมือทำการประมงโดยห้ามมิให้ใช้เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุงและเครื่องมืออวนรุนหรืออวนถุงทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมงในเขตหรือรัศมีที่ระบุไว้ในการจับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาดเรือยนต์ของกลางที่ใช้ทำการประมงในเขตดังกล่าวที่ใช้กับอวนรุนชนิดมีถุงจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ตามมาตรา 32 (2)และ 70 จึงต้องริบตามมาตรา 70 กรณีหาอยู่ในบังคับของมาตรา 69แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 2พ.ศ. 2496 มาตรา 10 ที่ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือจากการใช้เครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 32(2)(4)ให้อำนาจรัฐมนตรีประกาศกำหนดมิให้ใช้เครื่องมือทำการประมงอย่างหนึ่งอย่างใดในที่จับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาดและกำหนดวิธีใช้เครื่องมือทำการประมงต่าง ๆ เมื่อรัฐมนตรีได้ประกาศกำหนดเครื่องมือทำการประมงโดยห้ามมิให้ใช้เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุงและเครื่องมืออวนรุนหรืออวนถุงทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมงในเขตหรือรัศมีที่ระบุไว้ในการจับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาดเรือยนต์ของกลางที่ใช้ทำการประมงในเขตดังกล่าวที่ใช้กับอวนรุนชนิดมีถุงจึงเป็นเครื่องมือทำการประมงที่ห้ามใช้ตามมาตรา 32(2) และ 70 จึงต้องริบตามมาตรา 70 กรณีหาอยู่ในบังคับของมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 2พ.ศ. 2496 มาตรา 10 ที่ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์ที่ถูกยักยอก อายุความฟ้องคดีขาดเมื่อยอมคืนรถตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
โจทก์จำเลยต่างมีอาชีพรับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยรับโอนรถคันพิพาทมาจาก ส. ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของตามทะเบียนแล้วโจทก์ได้ซื้อรถนั้นจากจำเลย ต่อมาปรากฏว่า ส. ได้ยักยอกรถคันนี้มาจากเจ้าของอันแท้จริง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มายึดรถจากโจทก์ไปคืนให้เจ้าของอันแท้จริง โจทก์ยอมมอบให้ไป และว่าจะไปทวงถามเอาจากจำเลยเองเช่นนี้ ถือว่าโจทก์ผู้ซื้อยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยให้ชำระราคารถคืนเกินกว่า 3 เดือนนับแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเอารถยนต์ไปคดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์โดยสุจริต ผู้ซื้อยอมคืนรถให้เจ้าของที่แท้จริง ถือว่าขาดอายุความฟ้อง
โจทก์จำเลยต่างมีอาชีพรับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยรับโอนรถคันพิพาทมาจาก ส. ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของตามทะเบียนแล้วโจทก์ได้ซื้อรถนั้นจากจำเลย ต่อมาปรากฏว่า ส. ได้ยักยอกรถคันนี้มาจากเจ้าของอันแท้จริง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มายึดรถจากโจทก์ไปคืนให้เจ้าของอันแท้จริง โจทก์ยอมมอบให้ไป และว่าจะไปทวงถามเอาจากจำเลยเองเช่นนี้ ถือว่าโจทก์ผู้ซื้อยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยให้ชำระราคารถคืนเกินกว่า 3 เดือนนับแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเอารถยนต์ไปคดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่วมกัน: แม้ไม่ได้ลงมือตีเอง แต่มีส่วนร่วมวางแผนและลงมือทำร้ายผู้อื่นย่อมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับ ล. ร่วมกันทำร้ายร่างกาย อ. ผู้เสียหาย โดย ล. ใช้ไม้ตีศีรษะ ส่วนจำเลยเตะและตบ ได้ความว่าจำเลยกับ ล. เมาสุราไปทุบรั้วบ้าน ต. และท้าทายให้ต.ลงไปสู้กัน ต.ลงไป อ. ภริยาของ ต. กับบุตรสาวไปดึง ต.ไว้และ ก.มารดาของ ต.ลงไปห้ามด้วยจำเลยกับ ล. พังประตูเข้ามา ล. เอาไม้ตีศีรษะ อ. จำเลยถีบ ก. แล้วพากันหนีไป พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกับ ล.ได้มีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายคนในบ้าน ต. ด้วย ไม่เฉพาะแต่จะทำร้าย ต. เท่านั้น ที่ ล. ตีศีรษะ อ. นั้นก็ต้องถือว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิดด้วย