พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดีแพ่ง: การกำหนดมูลค่าที่แท้จริงเพื่อใช้ในการพิจารณาคดีและการฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดเป็นเงิน 52,140 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ 52,140 บาท ไม่ใช่ทุนทรัพย์ 40,000 บาทเท่าที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้ คดีจึงมิต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยตามคำพิพากษาประนีประนอมและการสละสิทธิ: อำนาจฟ้องขับไล่
ที่พิพาทเป็นที่ดินของที่ดินที่บิดาโจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แล้วบิดาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยบิดาโจทก์ยอมให้จำเลยกับลูกหลานมีสิทธิอาศัยอยู่ในที่พิพาทไปตลอดชีวิต และศาลพิพากษาตามยอม สิทธิอาศัยดังกล่าวมิได้มีการจดทะเบียนสิทธิไว้ ต่อมาบิดามารดาโจทก์ยกที่ดินนั้นให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น สิทธิที่จำเลยจะได้อยู่ในที่พิพาทจนตลอดชีวิตตามคำพิพากษาตามยอมนั้นเป็นประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาที่จำเลยมีอยู่ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มิได้ยกประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวเสียแล้วไม่เป็นประเด็นแห่งคดีต่อไปและประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จำเลยจะอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยตามคำพิพากษาประนีประนอม และการสละสิทธิโดยการต่อสู้คดี
ที่พิพาทเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินที่บิดาโจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แล้วบิดาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยบิดาโจทก์ยอมให้จำเลยกับลูกหลานมีสิทธิอาศัยอยู่ในที่พิพาทไปตลอดชีวิต และศาลพิพากษาตามยอม สิทธิอาศัยดังกล่าวมิได้มีการจดทะเบียนสิทธิไว้ ต่อมาบิดามารดาโจทก์ยกที่ดินนั้นให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น สิทธิที่จำเลยจะได้อยู่ในที่พิพาทตนตลอดชีวิตตามคำพิพากษาตามยอมนั้นเป็นประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาที่จำเลยมีอยู่ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มิได้ยกประเด็นแห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนไขเวลาดังกล่าวเสียแล้ว ไม่เป็นประเด็นแห่งคดีต่อปี และประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จำเลยจะอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินค่าก่อสร้างเริ่มต้นเมื่อผู้ว่าจ้างรับมอบงาน และการเรียกเบี้ยปรับจากผู้รับจ้างที่ทำงานล่าช้า
สินจ้างสำหรับการก่อสร้างจะได้รับต่อเมื่อผู้ว่าจ้างรับมอบงาน อายุความตาม มาตรา 165(1) นับตั้งแต่วันรับมอบงาน ไม่ใช่วันที่ทำงานเสร็จ
ผู้รับจ้างทำงานช้าเกินกำหนด ผู้ว่าจ้างไม่เลิกสัญญาก็ได้ และเรียกเบี้ยปรับได้ตลอดมา ซึ่งศาลลดจำนวนลงได้
ผู้รับจ้างทำงานช้าเกินกำหนด ผู้ว่าจ้างไม่เลิกสัญญาก็ได้ และเรียกเบี้ยปรับได้ตลอดมา ซึ่งศาลลดจำนวนลงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709-1710/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มอบนาทำต่างดอกเบี้ย การเปลี่ยนลักษณะการครอบครองเป็นสำคัญ หากไม่เปลี่ยน แม้เกิน 1 ปี ก็เรียกคืนได้
มอบนามือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ย เป็นการครอบครองแทน ถ้าไม่เปลี่ยนลักษณะการครอบครอง แม้เกิน 1 ปีก็เรียกคืนได้ฟ้องและคำให้การอ้างว่าซื้อและทำนาต่างดอกเบี้ย ไม่มีข้ออ้างว่ามอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ยแล้วเปลี่ยนลักษณะการครอบครอง ไม่มีประเด็น ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาที่ว่าจำเลยขอไถ่คืน โจทก์ว่าซื้อแล้วไม่ยอมให้ไถ่ จึงฟังว่าเปลี่ยนลักษณะการครอบครองไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1693/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิให้เช่าทรัพย์: เจ้าของกรรมสิทธิ์ vs. สิทธิอื่น & ความสำคัญของการพิสูจน์สิทธิให้เช่า
ในเรื่องเช่าทรัพย์ แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ให้เช่าจะต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่าจึงเป็นผู้ให้เช่าได้ก็จริงอยู่ แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยปรากฏในเอกสารสัญญาเช่าท้ายฟ้องระบุชัดว่า ห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ไม่ได้กล่าวถึงสิทธิอื่น เป็นการยืนยันว่าโจทก์มีอำนาจให้เช่าเพราะโจทก์เป็นเจ้าของแต่อย่างเดียว จำเลยจึงให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องพิพาท จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์เพราะสำคัญผิดว่าโจทก์มีสิทธิให้จำเลยเช่า ความจริงโจทก์ไม่มีสิทธิให้เช่าห้องพิพาท และไม่มีสิทธิเก็บค่าเช่า ทั้งจำเลยได้เอาค่าเช่าไปชำระแก่เจ้าของแท้จริงโดยตรงแล้ว มิ่ได้ผิดนัดสัญญา ดังนี้ ศาลควรจะต้องฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า หากโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์มีสิทธิให้เช่าห้องพิพาทได้หรือไม่ นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1166-1168/2509
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1693/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจให้เช่าทรัพย์สิน: เจ้าของกรรมสิทธิ์ vs. สิทธิอื่น ต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนพิพากษา
ในเรื่องเช่าทรัพย์นั้น แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ให้เช่าจะต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่าจึงเป็นผู้ให้เช่าได้ก็จริงอยู่ แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยปรากฏในเอกสารสัญญาเช่าท้ายฟ้องระบุชัดว่า ห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ไม่ได้กล่าวถึงสิทธิอื่น เป็นการยืนยันว่าโจทก์มีอำนาจให้เช่าเพราะโจทก์เป็นเจ้าของแต่อย่างเดียว จำเลยจึงให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาท จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์เพราะสำคัญผิดว่าโจทก์มีสิทธิให้จำเลยเช่า ความจริงโจทก์ไม่มีสิทธิให้เช่าห้องพิพาท และไม่มีสิทธิเก็บค่าเช่าทั้งจำเลยได้เอาค่าเช่าไปชำระแก่เจ้าของแท้จริงโดยตรงแล้ว มิได้ผิดนัดผิดสัญญา ดังนี้ ศาลควรจะต้องฟังข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า หากโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์โจทก์มีสิทธิให้เช่าห้องพิพาทได้หรือไม่ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1166-1168/2509
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับประกันภัยมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดและนายจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องทวงถามหนี้
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาตั้งแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 206เจ้าหนี้หาจำต้องเตือนหรือทวงถามก่อนฟ้องไม่
เจ้าของรถที่ถูกรถอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อนผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้วก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880ดังนั้นผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่
เจ้าของรถที่ถูกรถอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อนผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้วก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880ดังนั้นผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้จากละเมิด-ผู้รับประกันภัยฟ้องได้ทันที: ไม่ต้องทวงถามก่อนฟ้อง
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาตั้งแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206 เจ้าหนี้หาจำต้องเตือนหรือทวงถามก่อนฟ้องไม่
เจ้าของรถที่ถูกชนอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อน ผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้ว ก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880 ดังนั้น ผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่
เจ้าของรถที่ถูกชนอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อน ผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้ว ก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880 ดังนั้น ผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้ามหรือไม่เมื่อประเด็นเปลี่ยนจากการเรียกร้องหนี้ยังไม่ถึงกำหนดเป็นการเรียกร้องหนี้ที่ถึงกำหนดชำระแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม2515 รวม 2 งวดเป็นเงิน 4,000 บาท ขณะนั้นเงินค่าแชร์ทั้งสองงวดยังไม่ถึงกำหนดชำระ ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มาฟ้องเรียกไม่ได้ คดีถึงที่สุด คดีหลัง โจทก์มาฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเงินค่าแชร์ประจำงวดเดือนดังกล่าวซึ่งถึงกำหนดที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์แล้ว ดังนี้ คดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าแชร์ที่ยังไม่ถึงกำหนดหรือไม่ คดีหลังมีประเด็นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าแแชร์ดังกล่าว ที่ถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ