พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3079/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเครื่องหมายการค้าที่มิได้จดทะเบียนว่าเป็นเครื่องหมายที่จดทะเบียนแล้ว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าตราควาย คำขอจดทะเบียนเลขที่ 24057เลขทะเบียน 16049 จดทะเบียนแล้ว จำเลยส่งผ้าไปขายมีสลากปิดรูปควายทอง ซึ่งเจ้าพนักงานไม่รับจดและมีคำบอกว่า"เครื่องหมายจดทะเบียนเลขที่ 24057" เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายที่จดทะเบียนแล้ว มีความผิดตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 45 ฉบับที่ 3 พ.ศ.2504 มาตรา 9
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาเกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 2,3 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้ในศาลจังหวัด ซึ่งยังมิได้มีศาลแขวงเปิดทำการสำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเจ้าพนักงานจับจำเลยในกระทงความผิดฐานควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรยนต์โดยใช้ประกาศนียบัตรที่สิ้นอายุพร้อมกับกระทงความผิดฐานดูทรายในแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยมิได้รับอนุญาต เมื่อกระทงความผิดฐานควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรยนต์โดยใช้ประกาศนียบัตรสิ้นอายุ กฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้กับความผิดกระทงนี้ โดยพนักงานสอบสวนต้องส่งจำเลยให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องในกระทงความผิดนี้ภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่มีการจับกุมหรือต้องขอผัดฟ้องไว้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2494 เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมิได้ขอผัดฟ้อง และนำตัวจำเลยมาฟ้องหลังจากที่จับกุมในข้อหาดังกล่าวเกินกำหนดเวลาในมาตรา 7 โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตามมาตรา 9 จึงเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในมาตรา 7 และ 9 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์โดยใช้ผู้อื่นขนย้าย: จำเลยสั่งการให้ขนทรัพย์และรับทรัพย์ที่ได้มาโดยรู้ว่าเป็นของร้าย
จำเลยลักใบยาโดยใช้ ร.และก.ขนไปร. ก.ไม่รู้ไม่ได้ร่วมทำผิด จำเลยเป็นผู้ลักทรัพย์ ไม่ใช่ใช้ให้ร.ก.ทำผิดคำของร.ก.มีน้ำหนักให้รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการฟ้องเพิกถงมติคณะกรรมการ แม้จะได้รับประโยชน์จากมติดังกล่าวแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งอ้างว่าเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและทำให้โจทก์เสียหายเพราะถูกเดินรถทับเส้นทาง เมื่อได้ความว่ามติที่ประชุมดังกล่าวคณะกรรมการอนุมัติให้จำเลยที่ 3 เพิ่มจำนวนรถและจำนวนเที่ยวรถ ขณะเดียวกันก็อนุมัติให้โจทก์เพิ่มจำนวนรถกับเพิ่มเที่ยวรถจากเดิมด้วย โจทก์ได้ถือเอาประโยชน์จากมติครั้งนี้ตลอดมา มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่ามติไม่ชอบ คงให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้รับผลจากมติการประชุมนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการฟ้องเพิกถมติคณะกรรมการ หากได้รับประโยชน์จากมติดังกล่าวแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งอ้างว่าเป็นมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โจทก์เสียหายเพราะถูกเดินรถทับเส้นทาง เมื่อได้ความว่ามติที่ประชุมดังกล่าวคณะกรรมการอนุมัติให้จำเลยที่ 3 เพิ่มจำนวนรถและจำนวนเที่ยวรถ ขณะเดียวกันก็อนุมัติให้โจทก์เพิ่มจำนวนรถกับเพิ่มเที่ยวรถจากเดิมด้วย โจทก์ได้ถือเอาประโยชน์จากมติครั้งนี้ตลอดมา มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่ามติไม่ชอบ คงให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้รับผลจากมติการประชุมนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การยิงเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกาย
ผู้ตายทั้งสองขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือในเวลากลางคืนโดยมีพวกหลายคน จำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าเรือร้องถาม ผู้ตายคนหนึ่งชักมีดโถมเข้าจะแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปทางผู้ตายหลายนัดในช่วงเวลาอันกระชั้นชิดนั้น ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากผู้บุกรุกและการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายทั้งสองขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือในเวลากลางคืนโดยมีพวกหลายคนจำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าเรือร้องถาม ผู้ตายคนหนึ่งชักมีดโถมเข้าจะแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปทางผู้ตายหลายนัดในช่วงเวลาอันกระชั้นชิดนั้น ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาจ้างทำของ และการนับอายุความเรียกร้องค่าจ้าง เมื่อเงื่อนไขการชำระหนี้ไม่เป็นไปตามตกลง
จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำแม่พิมพ์ เมื่อค่าจ้างครบหนึ่งแสนบาทจึงคิดบัญชีกันครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยจ้างโจทก์แล้วค้างชำระหนี้ยังไม่ถึงหนึ่งแสนบาท จำเลยไม่ว่าจ้างอีก กลับไปสั่งทำจากที่อื่นแทน ครั้นโจทก์ทวงถามให้ชำระ จำเลยก็ผัดผ่อน ถือได้ว่าได้มีการเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสน จึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือนมีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วย จำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือนพฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือน-พฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสน จึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือนมีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วย จำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือนพฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือน-พฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าจ้างทำของเริ่มนับเมื่อสัญญาเลิกกัน แม้มีข้อตกลงคิดบัญชีเมื่อยอดถึง 100,000 บาท
จำเลยว่าจ้างโจทก์ทำแม่พิมพ์ เมื่อค่าจ้างครบหนึ่งแสนบาทจึงคิดบัญชีกันครั้งหนึ่งหลังจากจำเลยจ้างโจทก์แล้วค้างชำระหนี้ยังไม่ถึงหนึ่งแสนบาท จำเลยไม่ว่าจ้างอีกกลับไปสั่งทำจากที่อื่นแทน ครั้นโจทก์ทวงถามให้ชำระจำเลยก็ผัดผ่อนถือได้ว่าได้มีการเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสนจึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือน มีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วยจำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือน พฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์ จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างทำของ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) บัญญัติให้มีอายุความ 2 ปี ได้ความว่า เดิมมีข้อตกลงว่า เมื่อค่าจ้างครบจำนวนหนึ่งแสนจึงจะมีการคิดบัญชีและชำระหนี้กัน เมื่อเดือน มีนาคม 2517 โจทก์ติดต่อจำเลยขอเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระเงินเป็นว่าครบ 50,000 บาท ให้คิดบัญชีกันครั้งหนึ่งแต่จำเลยยังไม่ได้ตกลงด้วยจำเลยได้สั่งทำแม่พิมพ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนเมษายน 2517 รวมราคาทั้งสิ้น 68,395 บาท แล้วจำเลยงดสั่งทำ กลับไปสั่งทำจากที่อื่น เดือน พฤษภาคม 2517 โจทก์ทราบ จึงได้ทวงให้จำเลยชำระหนี้ เช่นนี้เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยเลิกจ้างและโจทก์ทวงถามเมื่อเดือนพฤษภาคม 2517 จึงมีผลให้สัญญาจ้างเลิกกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเกิดและเริ่มนับอายุความตอนนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2519 คดีโจทก์ จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทหลังส่งมอบหม้อแปลง: สิทธิฟ้องศาลเมื่อไม่ใช่ข้อโต้แย้งตามสัญญาอนุญาโตตุลาการ
สัญญาซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้าระหว่างโจทก์จำเลยมีความข้อหนึ่งว่าถ้ามีกรณีโต้แย้งขึ้นเกี่ยวกับข้อสัญญา ให้คู่สัญญาเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าหม้อแปลงเกิดชำรุดเพราะความบกพร่องของพนักงานของโจทก์หรือเพราะเสื่อมคุณภาพเนื่องจากใช้งาน ไม่ใช่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายตามข้อสัญญาดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาล