พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในกระบวนการบังคับคดีเมื่อไม่พอใจคำสั่งศาล ชอบที่จะอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีเมื่อลูกหนี้ฟ้องเจ้าหนี้ในคดีอื่น: การหักกลบลบหนี้ต้องเป็นหนี้ประเภทเดียวกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะผู้รับมรดกของนางทองอยู่ภรรยาจำเลยซึ่งถึงแก่กรรม ซึ่งตามกฎหมายจำเลยไม่ต้องรับผิดเกินกว่ามรดกที่จำเลยจะพึงได้รับ จึงมิใช่ลูกหนี้ในฐานะส่วนตัว ส่วนคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ เป็นเรื่องที่จำเลยฟ้องให้โจทก์ในฐานะส่วนตัวรับผิดฐานละเมิดซึ่งหากจำเลยชนะคดี ก็ไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้จำเลยจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีตาม ม.293 ว.พ.พ. ต้องมีเหตุที่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้จริง
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะผู้รับมรดกของนางทองอยู่ภรรยาจำเลยซึ่งถึงแก่กรรม ซึ่งตามกฎหมายจำเลยไม่ต้องรับผิดเกินกว่ามรดกที่จำเลยจะพึงได้รับจึงมิใช่ลูกหนี้ในฐานะส่วนตัว ส่วนคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ เป็นเรื่องที่จำเลยฟ้องให้โจทก์ในฐานะส่วนตัวรับผิดฐานละเมิด ซึ่งหากจำเลยชนะคดีก็ไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้จำเลยจะขอให้งดการบังคับคดีไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2679/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกความผิดฐานมีเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายยาเสพติด และการริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด
จำเลยมีและจำหน่ายเฮโรอีน เงินที่จำเลยขายได้เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยการกระทำผิด ศาลริบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อหาและสอบสวนความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด แม้จำเลยรับสารภาพเฉพาะครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็ถือว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาและสอบสวนฐานจำหน่ายแล้ว
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แม้จะเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกัน ก็เป็นความผิดที่เกียวเนื่องในเรื่องยาเสพติดเหมือนกัน ในชั้นสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำนห่าย จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แสดงว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงแห่งความผิดของตนแล้ว จึงถือได้ว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนและสอบสวนความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพฯ แล้วจำเลยรับสารภาพจำหน่าย ถือเป็นการแจ้งข้อหาและสอบสวนฐานจำหน่ายแล้ว
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนแม้จะเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกัน ก็เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องในเรื่องยาเสพติดเหมือนกัน ในชั้นสอบสวนเมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน แสดงว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงแห่งความผิดของตนแล้ว จึงถือได้ว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนและสอบสวนความผิดฐานนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด: การปรับบทลงโทษที่ถูกต้องและการพิพากษาถึงจำเลยที่ไม่ยื่นฎีกา
มีเฮโรอีนอยู่แล้วจำหน่ายเฮโรอีนนั้นไปทั้งหมด มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20ทวิ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2504 มาตรา 6 ไม่ผิด มาตรา 20ตรี อีกบทหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกไม่ชัดเจน การบรรยายฟ้องต้องระบุการกระทำที่ชัดเจนเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอก โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากผู้เสียหายไปเป็นของตนเองโดยทุจริต โดยมิได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ย่อมเป็นฟ้องเคลือบคลุม (อ้างฎีกาที่ 1057/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหา – การสอบสวนเพิ่มเติมพบความผิดอื่น – ถือว่าสอบสวนความผิดนั้นแล้ว
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเฉพาะข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่า นอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2345/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาและการสอบสวนความผิดฐานมียาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติด แม้แจ้งข้อหาเฉพาะฐานหนึ่ง แต่หากสอบสวนพบความผิดฐานอื่นก็ถือว่ามีการสอบสวนความผิดฐานนั้นด้วย
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบเฉพาะข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) มิได้แจ้งข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีน แต่เมื่อสอบสวนจำเลยในข้อหามียาเสพติดให้โทษนั้นปรากฏว่า นอกจากจำเลยมียาเสพติดให้โทษแล้ว จำเลยยังทำการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษอีกด้วย ดังนี้ เรียกได้ว่าได้มีการสอบสวนจำเลยในความผิดข้อหาฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (เฮโรอีน) ตามความในมาตรา 120 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วยแล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว
การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 นั้น หาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่ แม้เดิมตั้งข้อหาฐานหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกว่าได้มีการสอบสวนในความผิดข้อหาดังกล่าวตามนัยแห่งมาตรา 120 แล้ว