คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิทูร เทพพิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาซื้อขาย: สิทธิริบเงินประกันเมื่อไม่ส่งมอบสินค้า vs. ค่าปรับเมื่อส่งของไม่ครบ
สัญญาข้อ 7 ว่า ถ้าละเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาให้ริบเงินที่วางไว้ข้อ 8 ถ้าส่งมอบของไม่ถูกต้องภายในกำหนดให้ปรับร้อยละ 5 ของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งเป็นรายเดือนจนกว่าจะส่งครบและถูกต้องข้อ 9นอกจากข้อ 8 ถ้าไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นเหตุให้ผู้ซื้อเสียหาย ผู้ขายรับผิดโดยสิ้นเชิง ดังนี้ตีความว่า ข้อ 7 เป็นกรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาเลย ข้อ 8 ส่งของแล้วแต่ไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง ข้อ 9 หมายความถึงเสียหายพิเศษนอกจากนี้ เมื่อผู้ขายไม่ส่งของเลย ผู้ซื้อริบเงินตามข้อ 7ได้ แต่จะปรับตามข้อ 8 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบห้องเช่าเดิมเป็นเงื่อนไขการเช่าใหม่ และอำนาจฟ้องคดีแย่งการครอบครอง
โจทก์ บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าห้องไม้เดิมซึ่งถูกรื้อเพื่อสร้างแฟลตโจทก์จับสลากขอเช่าแฟลต ได้รับสิทธิเช่าแฟลตห้องพิพาทได้ย้ายทะเบียนบ้านเข้าเรียบร้อยแล้วแต่จำเลยที่ 1 กลับให้จำเลยที่ 2 เข้าอยู่ห้องพิพาททำให้โจทก์เข้าอยู่ไม่ได้ ฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
โจทก์เป็นผู้เช่าห้องไม้ซึ่งจะถูกรื้อจากจำเลยที่ 1 ได้อนุญาตให้จำเลยที่ 2 และครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่ร่วมด้วย ต่อมาเมื่อโจทก์จับสลากได้รับสิทธิเช่าแฟลตห้องพิพาทจำเลยที่ 1 กำหนดเงื่อนไขว่าโจทก์จะต้องส่งมอบห้องไม้คืนให้จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดจึงจะมีสิทธิเช่าแต่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบภายในกำหนด เนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ยอมออกย่อมเป็นความผิดของโจทก์เอง หาใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 ที่ไม่ขับไล่จำเลยที่ 2 ไม่ โจทก์จึงจะฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ยอมให้โจทก์เป็นผู้เช่าห้องพิพาทมิได้
จำเลยที่ 2 อยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยที่ 2 ละเมิด แย่งการครอบครองขอให้ขับไล่ แต่โจทก์ยังไม่เคยเข้าครอบครองห้องพิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งอนุญาตแก้ฟ้องระหว่างพิจารณา หากจำเลยไม่โต้แย้ง ถือเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
คำสั่งศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยไม่โต้แย้งไว้ อุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการเช่าทรัพย์สิน: การรับผิดชอบความเสียหายเกินกว่าการเสื่อมสภาพตามปกติ และผลของสัญญาประนีประนอม
จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ออก โจทก์จึงฟ้องคดีขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในการใช้ตึกแถวจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมออกจากตึกแถว และยอมใช้ค่าเสียหาย ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยบรรยายฟ้องว่า ในวันที่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวที่เช่า โจทก์ได้ตรวจดูอาคารปรากฏว่ากระเบื้องกันสาดด้านหน้าถูกรื้อออกหมดกระเบื้องหลังคาถูกรื้อไปบางส่วน ประตูเหล็กด้านหน้าชำรุดเสียหาย ซึ่งจำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย มิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติดังนี้ คำบรรยายฟ้องดังกล่าวย่อมคลุมถึงความเสียหายทั้งที่เกิดจากสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 และเกิดจากการละเมิดตาม มาตรา 420 เมื่อศาลฟังว่าการที่ประตูเหล็กผุกร่อนนั้น มิใช่เพราะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่เป็นเพราะจำเลยไม่สงวนรักษาทรัพย์สินที่เช่าจึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซ่อมแซม จึงตรงตามประเด็นแล้ว ไม่เป็นการนอกฟ้องและสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อนเป็นเรื่องจำเลยไม่คืนทรัพย์ที่เช่า อันเป็นค่าเสียหายคนละมูลกรณีกับค่าเสียหายเกี่ยวกับประตูเหล็กในคดีนี้ ค่าเสียหายในคดีนี้จึงไม่ระงับสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายต่อทรัพย์สินเช่าหลังสัญญาประนีประนอม ศาลตัดสินได้หากเป็นคนละมูลเหตุ
จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องคดีขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในการใช้ตึกแถวจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมออกจากตึกแถว และยอมใช้ค่าเสียหาย ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยบรรยายฟ้องว่า ในวันที่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวที่เช่า โจทก์ได้ตรวจดูอาคารปรากฏว่ากระเบื้องกันสาดด้านหน้าถูกรื้อออกหมด กระเบื้องหลังคาถูกรื้อไปบางส่วนประตูเหล็กด้านหน้าชำรุดเสียหาย ซึ่งจำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย มิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติดังนี้ คำบรรยายฟ้องดังกล่าวย่อมคลุมถึงความเสียหายทั้งที่เกิดจากสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 และเกิดจากการละเมิดตาม มาตรา 420 เมื่อศาลฟังว่าการที่ประตูเหล็กผุกร่อนนั้น มิใช่เพราะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่เป็นเพราะจำเลยไม่สงวนรักษาทรัพย์สินที่เช่าจึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซ่อมแซม จึงตรงตามประเด็นแล้ว ไม่เป็นการนอกฟ้องและสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อนเป็นเรื่องจำเลยไม่คืนทรัพย์ที่เช่า อันเป็นค่าเสียหายคนละมูลกรณีกับค่าเสียหายเกี่ยวกับประตูเหล็กในคดีนี้ ค่าเสียหายในคดีนี้จึงไม่ระงับสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้เดิม การตกลงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่งได้หากมีการสัตยาบัน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งให้โจทก์ ได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 25,000 บาท ถ้าผิดสัญญายอมให้โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายได้อีก 25,000 บาท แต่ต่อมาปรากฏว่าไม่มีที่ดินขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยข้อหาฉ้อโกง ระหว่างพิจารณาคดีอาญาดังกล่าว ทนายโจทก์กับจำเลยได้ร่วมกันยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 20,000 บาท จำเลยจะนำมาชำระภายในเวลาที่กำหนด โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป โจทก์ขอถอนฟ้องและศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำร้องดังกล่าวจึงเป็นการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียร้องค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ข้อตกลงนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้มูลหนี้ตามสัญญาเดิมระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้จากสัญญาจะซื้อจะขาย การถอนฟ้องคดีอาญาถือเป็นการให้สัตยาบัน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งให้โจทก์ ได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 25,000 บาท ถ้าผิดสัญญายอมให้โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายได้อีก 25,000 บาท แต่ต่อมาปรากฏว่าไม่มีที่ดินขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยข้อหาฉ้อโกง ระหว่างพิจารณาคดีอาญาดังกล่าว ทนายโจทก์กับจำเลยได้ร่วมกันยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว 10,000 บาทส่วนที่เหลือ 20,000 บาท จำเลยจะนำมาชำระภายในเวลาที่กำหนด โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปโจทก์ขอถอนฟ้องและศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำร้องดังกล่าวจึงเป็นการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันข้อตกลงนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้มูลหนี้ตามสัญญาเดิมระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์กับชิงทรัพย์: การลงโทษฐานชิงทรัพย์เมื่อไม่ฟังว่าร่วมปล้นทรัพย์
องค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ก็คือองค์ความผิดฐานชิงทรัพย์ที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานปล้นทรัพย์จึงคลุมถึงการกระทำในความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันปล้นทรัพย์เมื่อศาลไม่ฟังว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย แต่ฟังว่าจำเลยที่ 2 กับพวกอีกคนหนึ่งชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานชิงทรัพย์ได้ ไม่เป็นการลงโทษไม่ตรงต่อฐานความผิด
การที่ศาลไม่ฟังว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยนั้นเป็นเหตุเฉพาะตัว ไม่ใช่เหตุในส่วนลักษณะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนโทรมหญิง: การวางบทลงโทษที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยที่ 2 กับพวกอีกหนึ่งคนร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยพวกของจำเลยจับขาผู้เสียหายไว้ให้จำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราก่อน เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 มายืนคุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราอีกจนสำเร็จความใคร่คนละครั้ง เช่นนี้เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
จำเลยที่ 2 กับพวกอุ้มผู้เสียหายขึ้นจากเรือเพื่อพาไปข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่ปรากฏว่าได้กระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก จะถือว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนโทรมหญิง: การวางบทลงโทษที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
จำเลยที่ 2 กับพวกอีกหนึ่งคนร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยพวกของจำเลยจับขาผู้เสียหายไว้ให้จำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราก่อน เสร็จแล้วจำเลยที่ 2 มายืนคุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราอีกจนสำเร็จความใคร่คนละครั้งเช่นนี้เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง
จำเลยที่ 2 กับพวกอุ้มผู้เสียหายขึ้นจากเรือเพื่อพาไปข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่ปรากฏว่าได้กระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีกจะถือว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วยไม่ได้
of 67