พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการสั่งปลดนายทหารเป็นอำนาจบริหาร ศาลไม่ชี้ขาดความชอบด้วยกฎหมาย
คำสั่งกระทรวงกลาโหมให้นายทหารออกจากประจำการรับบำเหน็จบำนาญ เป็นอำนาจของทางราชการฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ ไม่ใช่หน้าที่ศาลชี้ขาดว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เมื่อศาลเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานต่อไป ก็งดการสืบพยานได้
เมื่อศาลเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานต่อไป ก็งดการสืบพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุทางละเมิด
พลตำรวจขับรถวิทยุตำรวจทางหลวงทำละเมิดในการขับรถตามหน้าที่ ถือว่าเป็นผู้แทนกรมตำรวจและกรมทางหลวง ทั้ง2 กรมต้องร่วมรับผิดกับพลตำรวจด้วย
โจทก์หลายคนถูกจำเลยขับรถชนโดยประมาท โจทก์ฟ้องมาในคดีเดียวกัน โจทก์ที่ 5 เรียกค่าเสียหายไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ศาลฎีกาคืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาสำหรับโจทก์ที่ 5 แก่จำเลย
โจทก์หลายคนถูกจำเลยขับรถชนโดยประมาท โจทก์ฟ้องมาในคดีเดียวกัน โจทก์ที่ 5 เรียกค่าเสียหายไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ศาลฎีกาคืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาสำหรับโจทก์ที่ 5 แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินตลิ่งริมแม่น้ำเป็นสาธารณสมบัติ ประชาชนใช้ร่วมกัน สิทธิครอบครองสำคัญในการฟ้องขับไล่
ที่ชายตลิ่งริมแม่น้ำเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทประชาชนใช้ร่วมกัน จำเลยอาศัยโจทก์ปลูกบ้านอยู่ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง จึงไม่มีสิทธิจะมอบให้จำเลย ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของรถไฟกับการส่งของทางรถไฟ: ละเมิด vs. สัญญา
ส่งรถแทรกเตอร์ทางรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตาม มาตรา 609 ในส่วนที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 ซึ่ง มาตรา 51 บัญญัติว่า การรถไฟไม่รับผิดเว้นแต่ได้ส่งโดยประกัน จำเลยได้รับความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดทางสัญญา แต่โจทก์ฟ้องการรถไฟฯ เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนและการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ถูกยึด
รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้หายไป โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว รถนั้นถูกตำรวจยึดจากจำเลยซึ่งแลกเปลี่ยนรถกับเพิ่มเงินกับพ่อค้ารถยนต์ใช้แล้ว โดยมีทะเบียนโอนให้และราคาก็สมควร โจทก์ยังไม่ใช้ราคาแก่จำเลย จำเลยก็ยังไม่ต้องคืนรถแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ตายประมาทวิ่งตัดหน้า, จำเลยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ถือเป็นความผิดจำเลย
ผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถยนต์ที่จำเลยขับในระยะกระชั้นชิด เป็นความประมาทของผู้ตายเอง จำเลยไม่อาจห้ามล้อหยุดได้ทันสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ ไม่ใช่เกิดจากความประมาทของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง โดยตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด และการรับฟังพยานเอกสาร
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสารโจทก์ก็ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กันเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์ทำใบเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อ จำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์ส่งคอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท. ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการซื้อวัสดุก่อสร้าง แม้ใบสั่งซื้อจะลงชื่อโดยตัวแทน แต่กระทำในนามบริษัท ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิด
ความประสงค์ของกฎหมายที่ให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น ก็เพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน เมื่อจำเลยว่ายังมิได้รับสำเนาเอกสาร โจทก์ขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนเพื่อจัดส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย จำเลยก็พอใจไม่คัดค้าน นัดต่อไปจำเลยไม่ทักท้วงอะไรอีก แสดงว่าจำเลยได้รับสำเนาเอกสารประกอบการซักค้านพยานในนัดต่อไปนั้นแล้ว ไม่มีการเสียเปรียบแก่กัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ไปติดต่อกับโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ขอซื้อคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 รับเหมาจาก ท. โจทก์นำไปเสนอราคา เงื่อนไขการส่งของ และการชำระเงินเสนอต่อจำเลยที่ 1 ต่อมามีการตกลงซื้อและเสนอใบสั่งซื้อต่อโจทก์ โจทก์คอนกรีตให้จำเลยที่ 1 ณ. สถานที่ก่อสร้าง ใบสั่งซื้อลงชื่อโดยจำเลยที่ 4 แต่ใช้กระดาษแบบจดหมายชื่อของห้างจำเลยที่ 1 เท้าความถึงคำเสนอของโจทก์ต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1 และเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ในการติดต่อกับ ท.ตามหนังสือแต่งตั้ง การรับเงินค่าก่อสร้าง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับก็มี จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับก็มี แสดงว่าจำเลยที่ 4 ทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการถอดถอนกรรมการมัสยิด: คอเต็บมีสถานะเป็นกรรมการ ย่อมอยู่ภายใต้ระเบียบการถอดถอนได้
พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 มาตรา 8 กำหนดให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนกรรมการมัสยิด ส่วนการแต่งตั้งและถอดถอนนั้น ได้มีระเบียบการแต่งตั้งถอดถอนกรรมการอิสลามประจำมัสยิด (สุเหร่า) และวิธีดำเนินการเกี่ยวแก่ศาสนกิจของมัสยิด (สุเหร่า) พ.ศ.2492 กำหนดไว้ ตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าว อิหม่าม คอเต็บบิหลั่น ต่างก็คือกรรมการอิสลามประจำมัสยิดคนหนึ่งในจำนวนไม่เกิน 15 คน ตามระเบียบข้อ 4 ที่ว่าอิหม่าม คอเต็บบิหลั่น เป็นกรรมการโดยตำแหน่งนั้น หมายความว่าบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ไม่ต้องออกตามวาระ 4 ปี ตามระเบียบข้อ 12 เมื่อถึงวาระเลือกตั้งใหม่ ถ้าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมีตัวอยู่และดำรงตำแหน่งหน้าที่เรียบร้อยก็ไม่ต้องเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่งนั้นๆ ถ้าดำรงตำแหน่งหน้าที่โดยเรียบร้อยก็อยู่ได้ตลอดไปจนชรา ทุพพลภาพ หรือพิการ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่ง แล้วยกขึ้นเป็นกิติมศักดิ์ในตำแหน่งเดิม แต่ถ้าดำรงตำแหน่งหน้าที่ไม่เรียบร้อยคณะกรรมการดังกล่าวอาจพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่งได้ โดยที่อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ต่างก็เป็นกรรมการอิสลามประจำมัสยิดดังกล่าวแล้ว จึงต้องอยู่ภายใต้ระเบียบที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งได้ตามระเบียบข้อ 13 หาใช่ว่าเป็นอิหม่ามคอเต็บ บิหลั่น แล้วจะได้เป็นอยู่จนชรา ทุพพลภาพหรือพิการเสมอไปทุกคนไม่
โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นคอเต็บ มัสยิดสวนพลู ก็เป็นกรรมการประจำมัสยิดนั้นคนหนึ่ง ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจอยู่ ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 เมื่อได้ความว่าโจทก์เจตนาหน่วงเหนี่ยวการทำทะเบียนสัปปุรุษไว้เพื่อมิให้มีการเลือกตั้งอิหม่าม บิหลั่น และกรรมการประจำมัสยิด อันอาจเสื่อมเสียประโยชน์ของมัสยิดตามระเบียบข้อ 13(ฉ) จำเลยจึงชอบที่จะออกคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งคอเต็บได้ ไม่เป็นละเมิด
โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นคอเต็บ มัสยิดสวนพลู ก็เป็นกรรมการประจำมัสยิดนั้นคนหนึ่ง ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจอยู่ ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 เมื่อได้ความว่าโจทก์เจตนาหน่วงเหนี่ยวการทำทะเบียนสัปปุรุษไว้เพื่อมิให้มีการเลือกตั้งอิหม่าม บิหลั่น และกรรมการประจำมัสยิด อันอาจเสื่อมเสียประโยชน์ของมัสยิดตามระเบียบข้อ 13(ฉ) จำเลยจึงชอบที่จะออกคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งคอเต็บได้ ไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการมัสยิด และการกระทำที่เป็นเหตุให้ถูกถอดถอน
พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 มาตรา 8 กำหนดให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนกรรมการมัสยิด ส่วนการแต่งตั้งและถอดถอนนั้น ได้มีระเบียบการแต่งตั้งถอดถอนกรรมการอิสลามประจำมัสยิด (สุเหร่า) และวิธีดำเนินการเกี่ยวกับศาสนกิจของมัสยิด (สุเหร่า) พ.ศ.2492 กำหนดไว้ ตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าว อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ต่างก็คือกรรมการอิสลามประจำมัสยิดคนหนึ่งในจำนวนไม่เกิน 15 คน ตามระเบียบข้อ 4 ที่ว่าอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น เป็นกรรมการโดยตำแหน่งนั้น หมายความว่าบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอิหม่าม คอเต็บ มิหลั่น ไม่ต้องออกตามวาระ 4 ปี ตามระเบียบข้อ 12 เมื่อถึงวาระเลือกตั้งใหม่ ถ้าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมีตัวอยู่และดำรงตำแหน่งหน้าที่เรียบร้อยก็ไม่ต้องเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่งนั้น ๆ ถ้าดำรงตำแหน่งหน้าที่โดยเรียบร้อยก็ไม่ต้องเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่งนั้น ๆ ถ้าดำรงตำแหน่งหน้าที่โดยเรียบร้อยก็อยู่ได้ตลอดไปจนชรา ทุพพลภาพ หรือพิการ และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่ง แล้วยกขึ้นเป็นกิติมศักดิ์ในตำแหน่งเดิม แต่ถ้าดำรงตำแหน่งหน้าที่ไม่เรียบร้อย คณะกรรมการดังกล่าวอาจพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่งได้ โดยที่อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ต่างก็เป็นกรรมการอิสลามประจำมัสยิดดังกล่าวแล้ว จึงต้องอยู่ภายใต้ระเบียบที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งได้ตามระเบียบข้อ 13 หาใช่ว่าเป็นอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น แล้วจะได้เป็นอยู่จนชรา ทุพพลภาพหรือพิการเสมอไปทุกคนไม่
โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นคอเต็บ มัสยิดสวนพลู ก็เป็นกรรมการประจำมัสยิดนั้นคนหนึ่ง ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจอยู่ ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 เมื่อได้ความว่าโจทก์เจตนาหน่วงเหนี่ยวการทำทะเบียนสัปปุรุษไว้เพื่อมิให้มีการเลือกตั้งอิหม่าม บิหลั่น และกรรมการประจำมัสยิด อันอาจเสื่อมเสียประโยชน์ของมัสยิดตามระเบียบข้อ 13 (ฉ) จำเลยจึงชอบที่จะออกคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งคอเต็บได้ ไม่เป็นละเมิด
โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นคอเต็บ มัสยิดสวนพลู ก็เป็นกรรมการประจำมัสยิดนั้นคนหนึ่ง ย่อมอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจอยู่ ตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 เมื่อได้ความว่าโจทก์เจตนาหน่วงเหนี่ยวการทำทะเบียนสัปปุรุษไว้เพื่อมิให้มีการเลือกตั้งอิหม่าม บิหลั่น และกรรมการประจำมัสยิด อันอาจเสื่อมเสียประโยชน์ของมัสยิดตามระเบียบข้อ 13 (ฉ) จำเลยจึงชอบที่จะออกคำสั่งถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งคอเต็บได้ ไม่เป็นละเมิด