พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2469/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตายของจำเลยก่อนอ่านคำสั่งศาลฎีกาและสิทธิของทายาทในการรับมรดกความ
ทนายจำเลยแจ้งให้ศาลทราบว่าจำเลยตายก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาในกรณีอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งไปเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มาศาล ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 แต่ศาลก็ไม่จำต้องเลื่อนการอ่านไปเพื่อรอให้มีผู้รับมรดกความอีก เพราะทายาทจำเลยชอบที่จะขอเข้ารับมรดกความแทนจำเลยผู้มรณะได้เสมอแม้ในชั้นบังคับคดีภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเพิกถอนการขายฝาก: นับจากวันที่รู้เรื่องฉ้อฉลหรือทุจริต
การฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากที่ดินซึ่งอ้างว่าได้กระทำขึ้นโดยไม่สุจริตและฉ้อฉลทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้น จะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่รู้ต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเพิกถอนการขายฝาก: ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันที่รู้เหตุฉ้อฉล
การฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากที่ดินซึ่งอ้างว่าได้กระทำขึ้นโดยไม่สุจริตและฉ้อฉลทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้น จะต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของเครื่องเล่นพนันต้องรับผิดชอบหากไม่ป้องกันการนำไปใช้ผิดกฎหมาย แม้จะอ้างให้เช่าเพื่อความบันเทิง
โต๊ะม้าไฟฟ้าของกลางเป็นเครื่องมือที่เจ้าของ(ผู้ร้อง)อาจป้องกันมิให้นำไปใช้พนันเอาทรัพย์สินกันได้ โดยดัดแปลงเกี่ยวกับเครื่องในช่องจ่ายเงินรางวัลไม่ให้เครื่องทำงานจ่ายเงิน ผู้ร้องมิได้จัดการดัดแปลงโต๊ะม้าไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องว่าไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด ฉะนั้นข้อห้ามในสัญญาเช่าที่ระบุว่าห้ามจำเลย ที่ 1 นำไปเล่นการพนันเด็ดขาด ผู้ร้องให้เช่าไปเล่นเพื่อสนุกสนานนั้นไม่อาจรับฟังให้เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้ร้องได้ ที่ศาลสั่งริบโต๊ะม้าไฟฟ้าของกลางเพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันได้โดยสภาพและผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำฟ้องล้มละลาย: ศาลพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ควบคู่ข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 30วันจำเลยไม่ชำระหนี้แต่จำเลยอาจจะชำระหนี้ได้ทั้งหมดศาลพิพากษายกฟ้องได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา14 ไม่ขัดต่อข้อสันนิษฐานตามมาตรา 8
จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าแผนกได้รับเงินเดือนเดือนละ 2,700บาทแม้เงินเดือนของจำเลยโจทก์ไม่อาจยึดมาชำระหนี้ของโจทก์ได้ก็เป็นคนละเรื่องกับความสามารถในการชำระหนี้ของจำเลย ฐานะราชการความประพฤติไม่เป็นหนี้บุคคลอื่นนอกจากโจทก์จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่สามารถจะขวนขวายชำระหนี้ได้
จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าแผนกได้รับเงินเดือนเดือนละ 2,700บาทแม้เงินเดือนของจำเลยโจทก์ไม่อาจยึดมาชำระหนี้ของโจทก์ได้ก็เป็นคนละเรื่องกับความสามารถในการชำระหนี้ของจำเลย ฐานะราชการความประพฤติไม่เป็นหนี้บุคคลอื่นนอกจากโจทก์จำเลยย่อมอยู่ในฐานะที่สามารถจะขวนขวายชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2250/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความและการปรับปรุงภารยทรัพย์: การราดซีเมนต์ไม่เพิ่มภาระ
การที่โจทก์ราดซีเมนต์หรือเทคอนกรีตบนทางภารจำยอม เป็นการตกแต่งให้ทางภารจำยอมสวยงามและคงทนถาวรยิ่งขึ้น และเพียงแต่ใช้ทางนั้นเดินหรือรถแล่นเข้าออกเท่านั้น มิได้ใช้เพื่อกิจการอื่นใดที่ไม่เหมาะสม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำให้เสียหายแก่ที่ดินหรือกระทบกระเทือนต่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ จึงไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2247/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองโดยการวางสิ่งของเข้าข่ายความผิดบุกรุก
จำเลยที่1ให้ พ.เช่าช่วงห้องพิพาทต่อมาพ.ให้โจทก์ร่วมเข้าอยู่ การที่จำเลยกับพวกขนเครื่องเหล็กและพลาสติกไปวางไว้ที่ชั้นล่างและชั้นบนของห้องพิพาทนั้นเป็นการรบกวนการครอบครองห้องพิพาทของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขเป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้จากการขายที่ดินของห้างหุ้นส่วนค้าที่ดิน และการแก้ไขจำนวนเงินประเมินหลังพ้นกำหนดระยะเวลา
ห้างหุ้นส่วนมีวัตถุประสงค์ในการค้า ทำการขายที่ดินในทางการค้าไม่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
เมื่อครั้งคดีนี้ขึ้นสู่ศาลฎีกาครั้งแรกศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่า จ. เจ้าพนักงานประเมินคนเดียวมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีผลบังคับให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประเด็นอื่นแล้วพิพากษาใหม่ประเด็นเรื่องอำนาจประเมินของ จ. กับอำนาจวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงยุติ โจทก์ฎีกาครั้งหลังอีกว่าไม่มีอำนาจประเมินแม้จะยกเหตุต่างกัน ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ยื่นรายการเสียภาษีเงินได้ปีพ.ศ.2499-2501 เจ้าพนักงานประเมินจังหวัดสงขลาได้มีหมายเรียกลงวันที่ 12 กันยายน 2501 เรียกโจทก์เพื่อไต่สวนต่อมาโจทก์ย้ายภูมิลำเนามาอยู่ในจังหวัดพระนครเจ้าพนักงานประเมินในเขตจังหวัดสงขลาโอนเรื่องให้เจ้าพนักงานประเมินในเขตจังหวัดพระนครดำเนินการจึงได้มีหมายเรียกฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2508 ถึงโจทก์ หมายเรียกฉบับหลังจึงเป็นหมายเรียกซ้ำโจทก์จะอ้างว่าเพิ่งออกหมายเรียกเมื่อพ้นกำหนด5 ปีแล้วหาได้ไม่เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมได้
แม้เจ้าพนักงานประเมินที่มีหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนครั้งแรกจะมีความเห็นว่าโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ก็ตาม กรมสรรพากรซึ่งมีอำนาจหน้าที่และควบคุมการจัดเก็บภาษีอากรตาม ประมวลรัษฎากร ก็มีอำนาจสั่งให้ประเมินใหม่ได้
เมื่อครั้งคดีนี้ขึ้นสู่ศาลฎีกาครั้งแรกศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่า จ. เจ้าพนักงานประเมินคนเดียวมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีผลบังคับให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประเด็นอื่นแล้วพิพากษาใหม่ประเด็นเรื่องอำนาจประเมินของ จ. กับอำนาจวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงยุติ โจทก์ฎีกาครั้งหลังอีกว่าไม่มีอำนาจประเมินแม้จะยกเหตุต่างกัน ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ยื่นรายการเสียภาษีเงินได้ปีพ.ศ.2499-2501 เจ้าพนักงานประเมินจังหวัดสงขลาได้มีหมายเรียกลงวันที่ 12 กันยายน 2501 เรียกโจทก์เพื่อไต่สวนต่อมาโจทก์ย้ายภูมิลำเนามาอยู่ในจังหวัดพระนครเจ้าพนักงานประเมินในเขตจังหวัดสงขลาโอนเรื่องให้เจ้าพนักงานประเมินในเขตจังหวัดพระนครดำเนินการจึงได้มีหมายเรียกฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2508 ถึงโจทก์ หมายเรียกฉบับหลังจึงเป็นหมายเรียกซ้ำโจทก์จะอ้างว่าเพิ่งออกหมายเรียกเมื่อพ้นกำหนด5 ปีแล้วหาได้ไม่เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมได้
แม้เจ้าพนักงานประเมินที่มีหมายเรียกโจทก์มาไต่สวนครั้งแรกจะมีความเห็นว่าโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ก็ตาม กรมสรรพากรซึ่งมีอำนาจหน้าที่และควบคุมการจัดเก็บภาษีอากรตาม ประมวลรัษฎากร ก็มีอำนาจสั่งให้ประเมินใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, ครอบครองวัตถุระเบิด, และการลดโทษจากคำรับสารภาพ
จำเลยเป็นพลตำรวจออกปฎิบัติการตามแผนกวาดล้างโจรผู้ร้ายในฤดูแล้งระหว่างปฎิบัติการ ผู้บังคับกองพบจำเลยกำลังเมาสุราพกปืนยืนขวางถนนอยู่จึงดึงตัวขึ้นระเพราะเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะไปก่อเหตุวุ่นวายเดือดร้อน ระหว่างทางจำเลยเอาลูกระเบิดที่มีอยู่ถอดสลักนิรภัยโยนเข้าไปใต้ที่นั่งของผู้บังคับกองแล้วจำเลยกระโดดรถหนีลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้บังคับกองกับพวกบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทงและเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงจำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทงและเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงจำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และการครอบครองวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงประเด็นการลดโทษตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพลตำรวจออกปฏิบัติการตามแผนกวาดล้างโจรผู้ร้ายในฤดูแล้ง ระหว่างปฏิบัติการ ผู้บังคับกองพบจำเลยกำลังเมาสุราพกปืนยืนขวางถนนอยู่จึงดึงตัวขึ้นรถเพราะเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะไปก่อเหตุ วุ่นวายเดือดร้อน ระหว่างทางจำเลยเอาลูกระเบิดที่มีอยู่ถอดสลักนิรภัยโยนเข้าไปใต้ที่นั่งของผู้บังคับกองแล้วจำเลยกระโดดหนี ลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้บังคับกองกับพวกบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทง และเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทง และเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น