พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: จำเลยต้องรับผิดในหนี้ที่ตัวแทนเชิดก่อ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
การเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิด ป. เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและการที่ ป. ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเองศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิด ป. เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและการที่ ป. ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเองศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นตัวแทนเชิด แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ ก็ผูกพันจำเลยได้
การเชิญบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรัง จากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิญ ป.เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และการที่ป.ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขน ก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรัง จากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิญ ป.เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และการที่ป.ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขน ก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1909/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การติชมโดยสุจริตและความเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยมีหนังสือไปถึงหัวหน้าคณะปฏิวัติและอธิการบดีว่าโจทก์ร่วมทำลายหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองไม่สมกับเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย จำเลยทำโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนที่อยู่ในฐานะเช่นจำเลยย่อมกระทำไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำลายพืชผลของผู้อื่น: ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 เป็นความกันว่าที่นาเป็นของตน ศาลยังไม่ได้พิพากษา จำเลยไถนาทำให้ข้าวที่โจทก์หว่านไว้เสียหาย เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหย่า: ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นอายุความหลังพบเหตุหย่ามีอยู่จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุที่โจทก์ฟ้องหย่าได้แต่เมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ด้วยว่าโจทก์รู้ถึงเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยเกิน 3 เดือนแล้ว คดีขาดอายุความ ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอายุความให้ครบประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ ในเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหย่าและการวินิจฉัยเหตุฟ้องหย่า: ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อวินิจฉัยอายุความหลังพบเหตุฟ้องหย่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลย ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เรื่องอายุความพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีเหตุที่โจทก์ฟ้องหย่าได้ แต่เมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ด้วยว่าโจทก์รู้ถึงเหตุที่จะฟ้องหย่าจำเลยเกิน 3 เดือนแล้ว คดีขาดอายุความ ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอายุความให้ครบประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ ในเมื่อศาลฎีกาเห็นสมควร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดีแพ่ง: การกำหนดมูลค่าที่แท้จริงเพื่อใช้ในการพิจารณาคดีและการฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดเป็นเงิน 52,140 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ 52,140 บาท ไม่ใช่ทุนทรัพย์ 40,000 บาทเท่าที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้ คดีจึงมิต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดีละเมิด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามูลค่าความเสียหายตามฟ้องเป็นเกณฑ์พิจารณาการอุทธรณ์และฎีกา ไม่ใช่จำนวนที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดเป็นเงิน 52,140 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ 52,140 บาท ไม่ใช่ทุนทรัพย์ 40,000 บาท เท่าที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้คดีจึงมิต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยตามคำพิพากษาประนีประนอมและการสละสิทธิ: อำนาจฟ้องขับไล่
ที่พิพาทเป็นที่ดินของที่ดินที่บิดาโจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แล้วบิดาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยบิดาโจทก์ยอมให้จำเลยกับลูกหลานมีสิทธิอาศัยอยู่ในที่พิพาทไปตลอดชีวิต และศาลพิพากษาตามยอม สิทธิอาศัยดังกล่าวมิได้มีการจดทะเบียนสิทธิไว้ ต่อมาบิดามารดาโจทก์ยกที่ดินนั้นให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น สิทธิที่จำเลยจะได้อยู่ในที่พิพาทจนตลอดชีวิตตามคำพิพากษาตามยอมนั้นเป็นประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาที่จำเลยมีอยู่ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มิได้ยกประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวเสียแล้วไม่เป็นประเด็นแห่งคดีต่อไปและประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จำเลยจะอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยตามคำพิพากษาประนีประนอม และการสละสิทธิโดยการต่อสู้คดี
ที่พิพาทเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของที่ดินที่บิดาโจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แล้วบิดาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยบิดาโจทก์ยอมให้จำเลยกับลูกหลานมีสิทธิอาศัยอยู่ในที่พิพาทไปตลอดชีวิต และศาลพิพากษาตามยอม สิทธิอาศัยดังกล่าวมิได้มีการจดทะเบียนสิทธิไว้ ต่อมาบิดามารดาโจทก์ยกที่ดินนั้นให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น สิทธิที่จำเลยจะได้อยู่ในที่พิพาทตนตลอดชีวิตตามคำพิพากษาตามยอมนั้นเป็นประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาที่จำเลยมีอยู่ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยอยู่ในที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มิได้ยกประเด็นแห่งเงื่อนเวลาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้สละประโยชน์แห่งเงื่อนไขเวลาดังกล่าวเสียแล้ว ไม่เป็นประเด็นแห่งคดีต่อปี และประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาดังกล่าไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จำเลยจะอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225