คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิทูร เทพพิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 665 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับได้
การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลระงับการฟ้องได้
การยอมความในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายต้นไม้ในป่าสงวนแห่งชาติของผู้ได้รับอนุญาตทำกินก่อน การกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ
ที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตจากทางการให้อยู่อาศัย หากินเพราะจำเลยเคยทำกิจมาก่อน ต่อมาทางการได้ปลูกต้นไม้ ในที่ดินดังกล่าว จำเลยได้เข้าไปไถในที่เกิดเหตุเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ ทำให้ต้นไม้ที่ทางการปลูกไว้เสียหาย ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ พระราชบัญญัติป่าไม้สงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 โดยถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามความหมายแห่งมาตรา 14 ดังกล่าว (กรรมเดียวหลายบท)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1914/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายต้นไม้ในป่าสงวนแห่งชาติของผู้ได้รับอนุญาตทำกินเดิม ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ
ที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตจากทางการให้อยู่อาศัยทำกินเพราะจำเลยเคยทำกินมาก่อนต่อมาทางการได้ปลูกต้นไม้ในที่ดินดังกล่าว จำเลยได้เข้าไปไถในที่เกิดเหตุเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ ทำให้ต้นไม้ที่ทางการปลูกไว้เสียหาย ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 โดยถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติตามความหมายแห่งมาตรา 14ดังกล่าว(กรรมเดียวหลายบท)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิดที่ถูกฟ้องแยกคดี มีน้ำหนักน้อยไม่เพียงพอฟังลงโทษ
คำเบิกความของผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งถูกแยกฟ้อง เป็นอีกคดีหนึ่ง ถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่าง ผู้กระทำผิดด้วยกัน มีน้ำหนักน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดจากผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษ
คำเบิกความของผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกัน มีน้ำหนักน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1797/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำละเมิดของผู้อื่น โดยรวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่โจทก์ต้องใช้เอง
ฟ้องของโจทก์กล่าวตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์และได้กล่าวต่อมาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ ซึ่งจะต้องรับผิดร่วมกันหรือแทนกันกับจำลยที่ 1 เมื่ออ่านรวมกันพอเข้าใจความหมายได้ว่าจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมเสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์ เอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย จริง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1797/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของผู้อื่น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
ฟ้องของโจทก์กล่าวตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ และได้กล่าวต่อมาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ ซึ่งจะต้องรับผิดร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยที่ 1 เมื่ออ่านรวมกันพอเข้าใจความหมายได้ว่าจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อม เสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์เองเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจริง โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ น้ำหนักพยานหลักฐาน: พยานวัตถุ (ลายมือชื่อ) มีน้ำหนักมากกว่าพยานบุคคลในการพิสูจน์ความถูกต้องของพินัยกรรม
พยานผู้เชี่ยวชาญนั้นให้ความเห็นตามหลักวิชาของตน ใช่ว่าศาลจะรับฟังตามความเห็นทุกกรณีไป ศาลย่อมใคร่ครวญความเห็นของผู้เชี่ยวชาญประกอบเอกสารที่คู่ความอ้างว่ามีเหตุผลควรเชื่อได้เพียงใด ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไรศาลรับฟังตามนั้นทุกกรณีไปไม่ เช่นเดียวกับประจักษ์พยานของโจทก์ เมื่ออ้างเป็นพยานรู้เห็นอย่างนั้นอย่างนี้ใช่ว่าศาลจะรับฟังตามนั้นเสมอไป โดยเฉพาะพยานบุคคลกับพยานวัตถุ ลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมนั้น ความถูกต้องของพยานวัตถุถ้าสามารถพิสูจน์และอธิบายได้ ย่อมมีน้ำหนักยิ่งกว่าพยานบุคคล โดยปกติคำของพยานบุคคลขึ้นอยู่กับจิตใจและความทรงจำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย แต่พยานวัตถุเป็นสิ่งไม่มีชีวิต กรณีจึงหาใช่ว่าศาลชอบจะฟังประจักษ์พยานของโจทก์ยิ่งกว่าพยานวัตถุของฝ่ายจำเลยเสมอไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754-1755/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจสอบสวนคดีเช็คพิพาท: ความผิดต่อเนื่องและสถานที่กระทำผิด
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์ร่วมที่บ้านตำบลบางกระสออำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งอยู่ในเขตท้องที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี เมื่อโจทก์ร่วมนำเช็คไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอินทามระธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ร่วมจึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี เช่นนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี มีอำนาจสอบสวนคดีนี้เพราะเป็นความผิดต่อเนื่อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4-5/2523)
of 67