คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม จาละ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 530 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินตลอดชีวิตต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน มิฉะนั้นสิทธิไม่ผูกพันผู้รับโอน
การเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยตกลงเช่ากันตลอดชีวิตผู้เช่านั้นต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ที่บัญญัติว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่าย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่านั้น มาตรานี้ใช้บังคับเฉพาะการเช่าที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามมาตรา 538 เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ข้อตกลงที่เจ้าของเดิมให้จำเลยเช่าตลอดชีวิตจึงไม่ผูกพันโจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของเดิม จำเลยจึงไม่อาจยกหรืออ้างสิทธิตามมาตรา 569 มาต่อสู้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินตลอดชีวิตต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน การโอนสิทธิการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ผูกพันผู้รับโอน
การเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยตกลงเช่ากันตลอดชีวิตผู้เช่านั้น ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 538 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ที่บัญญัติว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่าย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่านั้น มาตรานี้ใช้บังคับเฉพาะการเช่าที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามมาตรา 538 เท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือข้อตกลงที่เจ้าของเดิมให้จำเลยเช่าตลอดชีวิตจึงไม่ผูกพันโจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของเดิม จำเลยจึงไม่อาจยกหรืออ้างสิทธิตามมาตรา 569 มาต่อสู้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46-48/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ไม่ต้องผูกพันสิทธิการเช่าตลอดชีวิต
จำเลยทั้งสามต่างเช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ต่อมาโจทก์ได้ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดดังกล่าวจากเจ้าของเดิม และได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้วเช่นนี้ แม้ ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยอ้างว่า เจ้าของที่ดินเดิมตกลงให้จำเลยทั้งสามเช่าที่พิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัยตลอดชีวิตของจำเลย จำเลยก็ไม่อาจยกข้อตกลงดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ เพราะการเช่าที่พิพาทไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ที่ว่าผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ให้เช่าย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนนั้น ก็ใช้บังคับเฉพาะการเช่าที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือทำถูกต้องตามมาตรา 538เท่านั้น ข้อตกลงที่เจ้าของเดิมให้จำเลยทั้งสามเช่าตลอดชีวิตจึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยไม่อาจยกหรืออ้างสิทธิตามมาตรา 569 มาต่อสู้โจทก์ได้เช่นกัน โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในขณะชกต่อย เมาสุรา ไม่มีเจตนาฆ่า ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
จำเลยกับผู้ตายไม่เคยมีสาเหตุกันมาก่อน เหตุเกิดเพราะต่างคนต่างเมาสุราแล้วชกต่อยทำร้ายกัน จำเลยแทงผู้ตายในที่มืดเพียงทีเดียวขณะชกต่อย ติดพันกันอยู่โดยไม่มีโอกาสเลือกแทง แต่บังเอิญถูกที่สำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวแต่ผิดหลายบท vs. ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันใช้ด้ามปืนยาวเป็นอาวุธ ตีทำร้ายร่างกายนายเจ๊กนายพวง และนายจันทร์หลายครั้งโดยเจตนาจะฆ่าคนทั้งสามให้ตาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,288,83 เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยเกินคำฟ้องและขอบเขตการพิจารณาโทษในศาลฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันใช้ด้ามปืนยาวเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายนายเจ๊ก นายพวง และนายจันทร์หลายครั้งโดยเจตนาจะฆ่าคนทั้งสามให้ตาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 288, 83 เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจตัดสินในระหว่างพิจารณาคดี ศาลฎีกาไม่มีอำนาจแก้ไข
การขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 นั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป สำหรับคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องขอทุเลาการบังคับจึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นอย่างอื่นได้ และกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับแล้ว จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: ผู้ขายยังคงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ได้ แม้จะทำสัญญาจะซื้อขาย
ห. เป็นเจ้าของนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมี น.ส.3 ได้ทำสัญญากันเองขายให้ ส. ส. ชำระราคาบางส่วน ที่เหลือจะชำระในวันโอนทางทะเบียน ดังนี้ การซื้อขายนาพิพาทระหว่างห.กับส. มีข้อตกลงจะโอนทางทะเบียน แม้จะมีการตกลงให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองได้ระหว่างยังไม่ได้โอนนาพิพาท ก็เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขาย และเป็นการมอบที่ดินให้เข้าครอบครองแทนกันไปก่อน สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับ ห.เจ้าของนาพิพาทส. จะเข้าไปไถนา ปรากฏว่าจำเลยเข้าไปไถหว่านอยู่แล้วไม่ยอมให้ส.เข้าทำห. จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาบุกรุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินจากการซื้อขายจะซื้อขาย และอำนาจฟ้องร้องกรณีบุกรุก
ที่ดิน น.ส.3 เจ้าของทำสัญญาขายให้ผู้ซื้อโดยทำหนังสือสัญญากันเอง ได้มีการชำระราคากันบางส่วน ที่เหลือจะชำระหมดในวันจดทะเบียนการโอน แม้จะมีข้อตกลงว่าให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองได้ในระหว่างยังไม่ได้โอนที่พิพาทนั้นก็ตาม ก็เป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายและเป็นการมอบที่ดินให้เข้าครอบครองแทนกันไปก่อน สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของ เจ้าของจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์เมื่อมีผู้บุกรุกที่ดินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2555/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำรงชีพจากรายได้จากการค้าประเวณี: ไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 หากมีรายได้อื่นเพียงพอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยดำรงชีพอยู่ด้วยผลจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี โดยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ และไม่มีปัจจัยเพียงพอสำหรับดำรงชีพ ได้บังอาจรับเงินโดยหญิงซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286วรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีรายได้จากการรับจ้างซ่อมวิทยุและโทรทัศน์และจากค่าเช่าบ้าน ไม่ปรากฏว่ารายได้ดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีพ ถึงจำเลยจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากหญิงซึ่งค้าประเวณีก็ตาม ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286
of 53