คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม จาละ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 530 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมฟ้องบุคคลภายนอกได้ - สิทธิในการดำเนินคดี
เจ้าของรวมคนหนึ่งอ้างกรรมสิทธิ์ฟ้องบุคคลภายนอกได้ไม่จำกัดเฉพาะต่อสู้คดีเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเลี้ยงดูและจดทะเบียนสมรสที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดการละเมิด หรือผิดสัญญาที่เรียกค่าเสียหายได้
โจทก์ได้เสียกับจำเลยโดยถูกจำเลยหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูเป็นภริยา เมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยไม่เลี้ยงดู โจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไป จำเลยรับว่าได้เสียกับโจทก์จริง รับจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาพนักงานสอบสวนจึงแนะนำให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตาม กฎหมายต่อไป และได้ทำบันทึกให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ แต่โจทก์ก็ไม่เลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับจำเลย ดังนี้ แม้จำเลยจะหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยา การกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 576/2488) และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามบันทึกของพนักงานสอบสวน เพราะมิได้มีข้อกำหนดว่าจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญาดังกล่าว และมิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438, 1439 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเลี้ยงดูและการเรียกร้องค่าเสียหาย: การหลอกลวงและการผิดสัญญาไม่มีผลผูกพันทางแพ่ง
โจทก์ได้เสียกับจำเลยโดยถูกจำเลยหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูเป็นภริยาเมื่อโจทก์ตั้งครรภ์จำเลยไม่เลี้ยงดู โจทก์จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนเรียกจำเลยไปจำเลยรับว่าได้เสียกับโจทก์จริงรับจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาพนักงานสอบสวนจึงแนะนำให้โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปและได้ทำบันทึกให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ แต่โจทก์ก็ไม่เลี้ยงดูหรือจดทะเบียนสมรสกับจำเลยดังนี้ แม้จำเลยจะหลอกลวงว่าจะเลี้ยงดูโจทก์เป็นภริยาการกระทำของจำเลยก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้ (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 576/2488) และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาตามบันทึกของพนักงานสอบสวนเพราะมิได้มีข้อกำหนดว่าจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญาดังกล่าวและมิใช่กรณีผิดสัญญาหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438,1439 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา แต่ไม่มีการกระทำอนาจารอื่นเพิ่มเติม จึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำาการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจาร ประการอื่นใดอีก ย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่มีการกระทำอนาจารอื่นเพิ่มเติม ไม่ถือเป็นความผิดฐานกระทำอนาจาร
จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจารประการอื่นใดอีกย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506-507/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีหุ้นส่วนหลังการตายของหุ้นส่วน และสิทธิในการรับส่วนแบ่งกำไร/เงินปันผล
โจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1 กับ ส. อีกฝ่ายหนึ่งเข้าหุ้นกันลงทุนซื้อหุ้นบริษัท น. เพื่อแบ่งกำไรหรือเงินปันผลจากการถือหุ้น การที่จำเลยที่ 1 กับ ส. มีชื่อถือหุ้นนั้น ถือได้ว่าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำนวนหุ้นของบริษัท น. จึงเป็นทรัพย์สินของหุ้นส่วนที่จะต้องนำมาแบ่งตามสัญญาเมื่อเลิกกันไม่ใช่จะแบ่งเฉพาะเงินลงทุนค่าหุ้น ตราบใดที่ยังไม่มีการชำระบัญชี หรือตกลงแบ่งกันโดยวิธีอื่นโจทก์ในฐานะหุ้นส่วนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งเงินปันผลในปี 2510 และ ปี ต่อๆ ไป จนกว่าจะชำระบัญชีหรือตกลงแบ่งกันเสร็จ
โจทก์ฟ้องเรียกทุนของหุ้นส่วน ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน และขอแบ่งเงินปันผลในปี 2511 ซึ่งศาลล่างก็รับพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระแสความแล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่จะรื้อฟื้นให้ชำระบัญชีในเรื่องดังกล่าวอีก ศาลย่อมวินิจฉัยถึงจำนวนทุนและพิพากษาให้แบ่งเงินปันผลในปี 2511 ไปทีเดียวได้และการบังคับให้แบ่งกำไรในปี 2511 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการและทายาทผู้รับมรดกของ ส. ต้องรับผิดร่วมกัน
จำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินภาษีที่อ้างว่าเสียเพิ่มเติมคืนจึงไม่เป็นประเด็นในคดี
เมื่อ พ. ผู้เป็นหุ้นส่วนตาย ห้างย่อมเลิกกันโดยศาลไม่ต้องสั่งอีก และกรณีนี้ศาลไม่ควรพิพากษาให้จำเลยแบ่งเงินปันผลและคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์โดยไม่ตั้งผู้ชำระบัญชี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในสัญญาชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของผู้อื่น
จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ชนรถโจทก์เสียหายเป็นละเมิดจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไว้โดยลงชื่อช่องผู้ชำระเงินจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดตามสัญญานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่ฆ่าแต่ผู้ถูกขู่ไม่เกรงกลัวและไม่ทำตามคำขู่ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 309
ขู่ว่าถ้าขืนทำรั้วจะฆ่าให้ตาย ผู้ถูกขู่ไม่กลัวแต่ไม่ทำรั้วเพราะผู้ใหญ่บ้านร้องขอ ดังนี้ ขาดองค์ประกอบไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 309

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การแจ้งประกาศต้องชัดเจนและผู้รับต้องเป็นบุคคลที่ถูกต้อง
การส่งประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้ซึ่งผู้ส่งส่งประกาศให้ชายคนหนึ่งในที่ทำงานของเจ้าหนี้รับไว้โดยไม่ทราบว่าชายนั้นเป็นใคร ไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อของข้าราชการคนใดในที่ทำงานเหมือนลายมือชื่อผู้รับประกาศดังกล่าว เช่นนี้การส่งประกาศนัดประชุมเจ้าหนี้เป็นการไม่ชอบด้วย ป.ว.พ.มาตรา 76 เจ้าหนี้ร้องขอให้ศาลยกเลิกการประนอมหนี้ได้กรณีเช่นนี้ไม่เข้ากรณีตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 36 ซึ่งเป็นเรื่องมติที่ประชุมเจ้าหนี้ขัดต่อกฎหมาย หรือมาตรา 157 ซึ่งเป็นเรื่องส่งแจ้งความนัดประชุมโดยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418-419/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการขับรถที่ดัดแปลงสูงลอดสายเคเบิลโทรศัพท์ ทำให้เสาโทรเลขล้ม
จำเลยที่ 1 ขับรถที่มีความสูงกว่าปกติออกจากปั๊มน้ำมัน ลอดสายเคเบิลโทรศัพท์ที่ขึงพาดอยู่บนเสาโทรเลขตามแนวถนนหน้าปั๊มน้ำมันด้วยการเร่งเครื่องยนต์ ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ล้อรถปีนขึ้นบนคานคอนกรีตหน้าปั๊มน้ำมันอันทำกันไว้มิให้เป็นทางรถเข้าออกท้ายรถซึ่งสูงกว่าปกติจึงกระดอนสูง จนเหล็กประกับรูปตัวยู (U) ที่ติดอยู่บนโครงไม้ท้ายรถอันเป็นส่วนที่สูงที่สุดของรถเกี่ยวเอาสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ที่ 2 ดึงลากไปเป็นเหตุให้เสาโทรเลขของโจทก์ที่ 1 ที่พาดอยู่หักและล้ม ดังนี้ ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ขับรถที่ต่อโครงไม้สูงขึ้นไปมากกว่าปกติลอดผ่านเคเบิลโทรศัพท์โดยประมาทไม่ดูแลเสียก่อน การที่โจทก์นำสืบถึงความประมาทเพราะจำเลยที่ 1 ขับรถปีนคานคอนกรีตด้วยเป็นการนำสืบในประเด็นเรื่องความประมาทเลินเล่อในการขับรถของจำเลยที่ 1 หาเป็นการสืบนอกฟ้องไม่
of 53