คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม จาละ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 530 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำเป็น - ฟ้องซ้ำ - ค่าทดแทน: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นทางจำเป็นที่ไม่เป็นฟ้องซ้ำ และอำนาจศาลในการกำหนดค่าทดแทนที่สมควร
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางภาระจำยอมประเด็นที่พิพาทกันคือทางที่ฟ้องเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอผ่านที่จำเลยในเส้นทางเดิมที่เคยใช้เพราะถือว่าเป็นทางจำเป็นประเด็นพิพาทอยู่ที่ว่าเป็นทางจำเป็นหรือไม่แตกต่างกับคดีก่อนไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น และเสนอจำนวนเงินค่าทดแทนเพื่อให้ศาลสั่งให้แก่จำเลยเป็นรายปีๆ ละ50 บาทเข้ามาด้วย จำเลยต่อสู้ว่าค่าทดแทนที่โจทก์เสนอต่ำกว่าราคาเป็นจริงของที่ดินจำเลย ดังนี้ ข้อพิพาทในประเด็นเรื่องค่าทดแทนจึงมีอยู่แล้วตามคำฟ้องและคำให้การ เมื่อโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานในประเด็นข้อนี้กันมาแล้วศาลก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรจะให้ค่าทดแทนกันเพียงใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมสามีในนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และการโอนกรรมสิทธิ์รวมโดยชอบด้วยกฎหมาย
สามียินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกับ ซ. แล้วภรรยาไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมที่สำนักงานที่ดิน ยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ซ.ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินที่ซื้อขายกันแทน ซ. เป็นการกระทำที่สืบเนื่องมาจากนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่สามียินยอมให้ภรรยาทำนั่นเอง ภรรยาไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากสามีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมสามีในนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และการโอนกรรมสิทธิ์รวมโดยชอบด้วยกฎหมาย
สามียินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกับ ซ. แล้วภรรยาไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมที่สำนักงานที่ดินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ซ. ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินที่ซื้อขายกันแทน ซ. เป็นการกระทำที่สืบเนื่องมาจากนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่สามียินยอมให้ภรรยาทำนั่นเอง ภรรยาไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากสามีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน กรณีผู้ครอบครองโดยสุจริตและต่อเนื่อง
ฟ้องที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมและให้โอนที่พิพาท(ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3) กลับเป็นชื่อโจทก์เป็นเจ้าของตามเดิม เป็นฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทนั้นด้วยจำเลยให้การต่อสู้ว่าซื้อโดยสุจริตและได้ครอบครองเป็นเจ้าของด้วยความสงบเปิดเผยตลอดมา ได้กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนที่พิพาทโดยตรง ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่าจำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมากับได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปี. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเอาคืนการครอบครองได้อีกต่อไป เพราะสิทธิครอบครองที่พิพาทตกได้แก่จำเลยโดยเด็ดขาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน น.ส.3 ครอบครองโดยสุจริตและเปิดเผยทำให้สิทธิครอบครองตกเป็นของจำเลย
ฟ้องที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมและให้โอนที่พิพาท (ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3) กลับเป็นชื่อโจทก์เป็นเจ้าของตามเดิม เป็นฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทนั้นด้วยจำเลยให้การต่อสู้ว่าซื้อโดยสุจริตและได้ครอบครองเป็นเจ้าของด้วยความสงบเปิดเผยตลอดมา ได้กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนที่พิพาทโดยตรง ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่าจำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมากับได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วนับถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเอาคืนการครอบครองได้อีกต่อไป เพราะสิทธิครอบครองที่พิพาทตกได้แก่จำเลยโดยเด็ดขาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษเบากว่าโทษกักขัง และข้อจำกัดในการฎีกาแก้ไขโทษเดิมในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 7 วัน และปรับ 500บาท โทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขัง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โทษจำคุก 7 วันไม่เปลี่ยนเป็นกักขัง และให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะการรอการลงโทษ จำเลยยังไม่ต้องรับโทษ จึงเบากว่าโทษกักขัง
ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษกักขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว เป็นฎีกาดุลพินิจการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษทางอาญา: ศาลอุทธรณ์แก้โทษกักขังเป็นรอการลงโทษ ไม่ถือว่าเป็นการเพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 7 วัน และปรับ 500บาท โทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขัง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โทษจำคุก 7 วันไม่เปลี่ยนเป็นกักขัง และให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั้นไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะการรอการลงโทษ จำเลยยังไม่ต้องรับโทษ จึงเบากว่าโทษกักขัง
ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษกักขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว เป็นฎีกาดุลพินิจการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้: ข้อตกลงขัดต่อกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 655 เป็นโมฆะ
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป. โดยเอาที่ดินจำนองเป็นประกันหนี้ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน ส่งดอกเบี้ยทุกๆ เดือน ถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ย ผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้าเป็นต้นเงิน อันผู้กู้จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันดังนี้ เป็นการให้คิดดอกเบี้ยกันได้ทันทีที่ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเดือนที่ค้าง ข้อความที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญากู้โดยการจำนองรายนี้ จึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 และเป็นโมฆะ(อ้างฎีกาที่ 543/2510) โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยไม่ได้ คงคิดดอกเบี้ยได้อย่างธรรมดาในอัตราร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือนและเมื่อได้ตกลงกันชัดแจ้งเช่นนี้ จะถือว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาให้คิดดอกเบี้ยทบต้นในทันทีที่ผิดนัด และข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยทบต้น ไม่เป็นโมฆะหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้: ข้อตกลงขัดต่อกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 เป็นโมฆะ
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป โดยเอาที่ดินจำนองเป็นประกันหนี้ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน ส่งดอกเบี้ยทุกๆ เดือน ถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ย ผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้าเป็นต้นเงิน อันผู้กู้จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันดังนี้ เป็นการให้คิดดอกเบี้ยกันได้ทันทีที่ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเดือนที่ค้าง ข้อความที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญากู้โดยการจำนองรายนี้ จึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 และเป็นโมฆะ(อ้างฎีกาที่ 543/2510) โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยไม่ได้คงคิดดอกเบี้ยได้อย่างธรรมดาในอัตราร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน และเมื่อได้ตกลงกันชัดแจ้งเช่นนี้ จะถือว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาให้คิดดอกเบี้ยทบต้นในทันทีที่ผิดนัด และข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยทบต้น ไม่เป็นโมฆะหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่าเป็นบริวารจำเลย ศาลบังคับคดีได้ แม้มีการยึดทรัพย์
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่าของโจทก์ที่ให้จำเลยเช่า จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือต้องออกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่าผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
of 53