พบผลลัพธ์ทั้งหมด 619 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขนส่งทางเรือและการแก้ไขชื่อจำเลยในฟ้อง
รับขนกระจกใส่เรือฉลอมบรรทุกไปลงเรือเดินสมุทร เป็นผู้ขนส่งตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 608 เรือใหญ่แล่นแซงทำให้เกิดคลื่น เรือฉลอมจมเป็นเหตุป้องกันได้ ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยผู้ขนส่งต้องรับผิดตาม มาตรา 616
โจทก์ขอแก้ชื่อบริษัทจำเลยในฟ้องให้ตรงความจริง ไม่ใช่แก้ฟ้องตาม มาตรา 179 ศาลอนุญาตให้แก้ได้ อายุความนับถึงวันแรกที่โจทก์ยื่นฟ้อง ไม่ใช่วันที่แก้ฟ้องเพียงแต่ให้บริบูรณ์ขึ้น
โจทก์ขอแก้ชื่อบริษัทจำเลยในฟ้องให้ตรงความจริง ไม่ใช่แก้ฟ้องตาม มาตรา 179 ศาลอนุญาตให้แก้ได้ อายุความนับถึงวันแรกที่โจทก์ยื่นฟ้อง ไม่ใช่วันที่แก้ฟ้องเพียงแต่ให้บริบูรณ์ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2626/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางสาธารณะประโยชน์ แม้ครอบครองนาน ก็ไม่เกิดสิทธิ การฟ้องรื้อถอนทำได้หากได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ
จำเลยสร้างสิ่งปลูกสร้างต่อจากเรือนจำเลยออกมาปิดกั้นทางเดินทางอันเป็นทางสาธารณะ เป็นเหตุให้โจทก์และราษฎรได้รับความเดือดร้อนใช้ทางเข้าออกไม่ได้ ย่อมเป็นละเมิดและถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นออกไปได้ และกรณีไม่ต้องด้วยประมาลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
ทางสาธารณะประโยชน์ อันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมานานเท่าใด ก็หาได้สิทธิครอบครองเหนือที่ดินนั้นไม่
ทางสาธารณะประโยชน์ อันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมานานเท่าใด ก็หาได้สิทธิครอบครองเหนือที่ดินนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2626/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการใช้ทางสาธารณประโยชน์ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และสิทธิการครอบครองที่ดิน
จำเลยสร้างสิ่งปลูกสร้างต่อจากเรือนจำเลยออกมาปิดกั้นทางเดินอันเป็นทางสาธารณะ เป็นเหตุให้โจทก์และราษฎรได้รับความเดือดร้อนใช้ทางเข้าออกไม่ได้ ย่อมเป็นละเมิดและถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นออกไปได้ และกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 ทางสาธารณประโยชน์ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น แม้จำเลยจะครอบครองมานานเท่าใด ก็หาได้สิทธิครอบครองเหนือที่ดินนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเมื่อถูกขับไล่และไม่เลี้ยงดูบุตร
ภริยาออกจากบ้านพาบุตรกลับไปอยู่กับมารดา เพราะถูกสามีขับไล่ แล้วไม่ส่งเสียเลี้ยงดูตามที่สามารถทำได้เกิน 1 ปี ภริยาฟ้องหย่าได้ สามีไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การมอบอำนาจไม่ชอบทำให้สัญญาไม่มีผลผูกพัน
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 บัญญัติว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนให้ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความจึงต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย
ตัวการมอบอำนาจโดยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือให้ตัวแทนไปตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ในชั้นพิจารณาตัวการจะได้มาเบิกความว่าให้สัตยาบันรับรองการทำสัญญาดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าตัวการปฏิเสธความรับผิดตลอดมา จึงถือไม่ได้ว่าตัวการได้ให้สัตยาบันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว
จำเลยที่ 1 ขับรถชนรถของโจทก์โดยประมาท จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างได้มอบอำนาจ โดยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือให้จำเลยที่ 3 ไปเจรจาตกลงค่าเสียหายกับโจทก์และบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย จ.3 แล้วมาเบิกความต่อศาลว่าให้สัตยาบันรับรองการทำสัญญา แม้จะฟังว่าเอกสารดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่การมอบอำนาจไม่ชอบ และตามพฤติการณ์ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ให้สัตยาบัน ย่อมไม่ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความมีผล ความรับผิดในมูลละเมิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์จึงยังมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2
ตัวการมอบอำนาจโดยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือให้ตัวแทนไปตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ในชั้นพิจารณาตัวการจะได้มาเบิกความว่าให้สัตยาบันรับรองการทำสัญญาดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าตัวการปฏิเสธความรับผิดตลอดมา จึงถือไม่ได้ว่าตัวการได้ให้สัตยาบันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว
จำเลยที่ 1 ขับรถชนรถของโจทก์โดยประมาท จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างได้มอบอำนาจ โดยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือให้จำเลยที่ 3 ไปเจรจาตกลงค่าเสียหายกับโจทก์และบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย จ.3 แล้วมาเบิกความต่อศาลว่าให้สัตยาบันรับรองการทำสัญญา แม้จะฟังว่าเอกสารดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่การมอบอำนาจไม่ชอบ และตามพฤติการณ์ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ให้สัตยาบัน ย่อมไม่ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความมีผล ความรับผิดในมูลละเมิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์จึงยังมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2494/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: ยิงตอบโต้หลังถูกข่มขู่และชักปืนก่อน แม้เป็นฝ่ายป้องกันตัว แต่การยิงหลายนัดและถูกยิงด้านหลังถือเกินกว่าเหตุ
จำเลยที่ 2 พูดทำนองจะฆ่าจำเลยที่ 1 ว่า "มึงตายเสียเถอะไอ้อู๋" และชักปืนออกมาก่อน แม้จะยังไม่ทันได้ยิงเพราะถูกผู้อื่นตบแขน แต่ปืนก็ยังอยู่ในมือประกอบกับห้างนาที่เกิดเหตุกว้างเพียง 4 เมตร ยาว 6 เมตร นับว่าอยู่ในระยะประชิดตัวกัน ดังนี้จำเลยที่ 1 จำต้องยิงจำเลยที่ 2 เพื่อป้องกันตัวได้แต่การที่จำเลยทั้งสองยิงกันหลายนัด จำเลยที่ 2 มีบาดแผลถูกกระสุนปืนที่ด้านหลังและที่ใต้รักแร้ แพทย์ผู้ตรวจและรักษาว่าถูกยิงข้างหลังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตัวเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2494/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่ากรณีจำเป็น: การยิงตอบโต้หลังถูกข่มขู่และชักปืน
จำเลยที่ 2 พูดทำนองจะฆ่าจำเลยที่ 1 ว่า "มึงตายเสียเถอะไอ้อู๋"และชักปืนออกมาก่อนแม้จะยังไม่ทันได้ยิงเพราะถูกผู้อื่นตบแขน แต่ปืนก็ยังอยู่ในมือประกอบกับห้างนาที่เกิดเหตุกว้างเพียง 4 เมตร ยาว 6เมตร นับว่าอยู่ในระยะประชิดตัวกันดังนี้จำเลยที่ 1 จำต้องยิงจำเลยที่ 2 เพื่อป้องกันตัวได้แต่การที่จำเลยทั้งสองยิงกันหลายนัด จำเลยที่ 2 มีบาดแผลถูกกระสุนปืนที่ด้านหลังและที่ใต้รักแร้แพทย์ผู้ตรวจและรักษาว่าถูกยิงข้างหลังนั้นการกระทำของจำเลยที่1เป็นการป้องกันตัวเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการรับฟังโทษจำเลยในคดีรถชน
คดีรถชนกันทำให้คนตาย โจทก์มีแต่พนักงานสอบสวนเบิกความตามคำบอกเล่าที่ทราบจากการสอบสวน กับบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุและสภาพรถ ภาพถ่ายซึ่งนำมาฟังเป็นพยานประกอบคดีในศาล ใช้ยันจำเลยโดยฟังจากพนักงานสอบสวนเท่านั้นหาได้ไม่ ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2440/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาปลูกสร้างอาคาร - สิทธิของเจ้าของที่ดินและผู้รับผลประโยชน์
สัญญาให้จำเลยปลูกสร้างอาคารขึ้นในที่ดินที่โจทก์ที่ 2 มีสิทธิเก็บกินแต่ไม่ปลูกในกำหนดตามสัญญา เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นคู่สัญญา โจทก์เลิกสัญญาได้ตามข้อกำหนดในสัญญา และเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินอีกด้วย จำเลยต้องรื้ออาคารที่ปลูกนอกเหนือไปจากสัญญา คู่ความไม่ได้ยกข้ออ้างตาม มาตรา 1310 จึงไม่มีประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งปิดโรงแรมขัดดุลพินิจ: การเพิกถอนคำสั่งที่ออกโดยอธิบดีหลังศาลยกฟ้อง
อธิบดีเป็นผู้แสดงเจตนาแทนกรมตำรวจ คำสั่งปิดโรงแรมของอธิบดีเป็นคำสั่งของกรมตำรวจ ซึ่งกรมตำรวจต้องรับผิด คำสั่งปิดโรงแรมอ้างว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในโรงแรม แต่สั่งภายหลังที่ศาลยกฟ้อง ไม่ฟังว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในโรงแรมแล้ว เป็นคำสั่งที่ไม่มีเหตุผลอ้างเพื่อใช้ดุลพินิจเช่นนั้น ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งนั้น