คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ผสม จิตรชุ่ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 619 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้กรรมการลงนามไม่ครบตามข้อบังคับ แต่สัญญากู้ยืมและเช่าซื้อก็ผูกพันจำเลย หากจำเลยแสดงออกว่ายอมรับและได้รับประโยชน์จากสัญญา
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลทำหนังสือกู้เงินและเช่าซื้ออุปกรณ์ทำนาจากโจทก์ โดยกรรมการลงชื่อไม่ครบตามข้อบังคับ แต่จำเลยที่ 1 ยอมรับว่ากรรมการเหล่านั้นทำแทนและยอมรับประโยชน์จากสัญญากู้และเช่าซื้อสัญญาจึงผูกพันจำเลยที่ 1 และไม่ใช่กรณีซื้อเชื่อ นำอายุความซื้อขายมาบังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพิ่มเติมต้องทำในโอกาสที่เหมาะสม หากโจทก์ละเลยการนำสืบพยานหลักฐานแต่แรก ศาลย่อมไม่อนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีทั้งชื่อไทยและจีนได้กู้เงินโจทก์ที่ฮ่องกงทำหลักฐานการกู้และลงลายมือชื่อไว้เป็นภาษาจีนจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ที่ฮ่องกงหลักฐานการกู้โจทก์ปลอมแปลงขึ้นลายเซ็นชื่อในเอกสารไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยดังนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบว่าชื่อในหลักฐานการกู้เป็นชื่อของจำเลยและไม่ปลอมทั้งขณะที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์นั้น จำเลยอยู่และทำหลักฐานให้โจทก์ที่ฮ่องกงต่อเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วระหว่างการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงเพิ่งยื่นคำร้องว่าที่จำเลยเบิกความว่าอ่านเขียนภาษาจีนไม่เป็น ไม่ได้ชื่อภาษาจีนไม่ได้ไปฮ่องกงใน ปีที่ลงในสัญญากู้นั้นโจทก์สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 120 แต่ปรากฏว่าในชั้นที่โจทก์นำสืบ โจทก์ได้อ้างพยานหลักฐานดังกล่าวไว้ในบัญชีระบุพยานแสดงว่าโจทก์รู้อยู่แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะนำสืบพิสูจน์ข้ออ้างดังกล่าวอันอยู่ในประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบมาแต่ต้นแล้วแต่ในการนำสืบของโจทก์ โจทก์ก็มิได้แสดงหลักฐานเหล่านี้ต่อศาล ตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างและขอนำสืบพยานเพื่อเพิ่มเติมคดีของโจทก์กรณีเช่นนี้จะอ้างว่าโจทก์ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้าถึงข้อนำสืบของจำเลยหาได้ไม่ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องดังกล่าวของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพิ่มเติม: โจทก์ต้องนำสืบประเด็นสำคัญตั้งแต่ต้น หากละเลย ศาลไม่อนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีทั้งชื่อไทยและจีน ได้กู้เงินโจทก์ที่ฮ่องกงทำหลักฐานการกู้และลงลายมือชื่อไว้เป็นภาษาจีน จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ที่ฮ่องกง หลักฐานการกู้โจทก์ปลอมแปลงขึ้น ลายเซ็นชื่อในเอกสารไม่ใช่ลายมือขื่อของจำเลย ดังนี้ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นาสืบว่าชื่อในหลักฐานการกู้เป็นชื่อของจำเลยและไม่ปลอม ทั้งขณะที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์นั้น จำเลยอยู่และหาหลักฐานให้โจทก์ที่ฮ่องกง ต่อเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว ระหว่างการสืบพยานจำเลย โจทก์จึงเพิ่งยื่นคำร้องว่าที่จำเลยเบิกความว่าอ่านเขียนภาษาจีนไม่เป็น ไม่ได้ขื่อภาษาจีน ไม่ได้ไปฮ่องกงในปีที่ลงในสัญญากู้นั้น โจทก์สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบ สนับสนุนข้ออ้างของตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 120 แต่ปรากฏว่าในชั้นที่โจทก์นำสืบ โจทก์ได้อ้างพยานหลักฐานดังกล่าวไว้ในบัญชีระบุพยาน แสดงว่าโจทก์รู้อยู่แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะนำสืบพิสูจน์ข้ออ้างดังกล่าวอันอยู่ในประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบมาแต่ต้นแล้ว แต่ในการนำสืบของโจทก์ โจทก์ก็มิได้แสดงหลักฐานเหล่านี้ต่อศาล ตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นการกล่าวอ้างและขอนำสืบพยานเพื่อเพิ่มเติมคดีของโจทก์ กรณีเช่นนี้จะอ้างว่าโจทก์ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้าถึงข้อนำสืบของจำเลยหาได้ไม่ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องดังกล่าของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการกระทำที่เล็งเห็นผลอันตรายถึงชีวิต และความรับผิดตามกฎหมายจราจรทางบก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะให้รถยนต์ที่ผู้ตายขับชนกับรถโดยสารประจำทางซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นอยู่แล้วว่า เมื่อรถโดยสารแล่นสวนทางมาในระยะใกล้ หากจำเลยได้หยุดและหักรถหลบเข้ามาทางซ้าย ผู้ตายต้องหลบมาทางขวา จะชนกับรถโดยสารในทันที ผู้ตายและผู้โดยสารต้องถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส และรถทั้งสองชนกันมีคนตายและบาดเจ็บสาหัสดังเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้นก็ขับรถด้วยความประมาทแสดงว่าฟ้องมีความประสงค์ให้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง หาใช่ขอให้ลงโทษทั้งสองอย่างไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) และจำเลยเข้าใจฟ้องได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1547/2511)
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความข่มขืนโดยไม่มีเจตนาให้ดำเนินคดี ไม่เป็นคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน
ผู้เสียหายไปแจ้งเรื่องถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราต่อผู้ใหญ่บ้านโดยเล่าเรื่องให้ฟัง แล้วผู้เสียหายบอกผู้ใหญ่บ้านว่ารอดูไปก่อนหากย้อนมาอีกก็จะเอาเรื่องแต่ถ้าไม่มาอีกก็แล้วไปแสดงว่าผู้เสียหายเพียงแจ้งไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษจึงไม่ใช่คำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2(7) พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนตามที่พนักงานอัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความข่มขืนโดยไม่มีเจตนาดำเนินคดี ถือไม่ใช่คำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน
ผู้เสียหายไปแจ้งเรื่องถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราต่อผู้ใหญ่บ้านโดยเล่าเรื่องให้ฟัง แล้วผู้เสียหายบอกผู้ใหญ่บ้านว่ารอดูไปก่อนหากย้อนมาอีกก็จะเอาเรื่อง แต่ถ้าไม่มาอีกก็แล้วไป แสดงว่าผู้เสียหายเพียงแจ้งไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ จึงไม่ใช่คำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 (7) พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวยตามที่พนักงานอัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนใจทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ และพยายามพรากผู้เยาว์
จำเลยที่ 1 เข้าไปนั่งในรถแล้วใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้ ส. ซึ่งเป็นคนขับรถนั่งเฉยๆและให้เอามือวางไว้ที่พวงมาลัยจน ส. เกิดความ กลัวจำต้องปฏิบัติตามโดยยอมนั่งเฉยๆและต้องเอามือวางไว้ที่พวงมาลัย ตามที่จำเลยข่มขืนใจให้กระทำ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จ ตามมาตรา 309 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้เข้าแย่งและฉุดเด็กชาย ฉ. อายุ 8 ปี ไปจากนางสาว ส. ซึ่งเป็นผู้ดูแลโดยใช้วิธีเข้าดึงตัวเด็กและพยายามจะจับตัวอุ้มไป แต่นางสาว ส. ดึงตัวเด็กไว้ได้และร้องขอความช่วยเหลือจำเลยที่ 2 จึงได้ปล่อยและหนีไปโดยพรากเอาตัวเด็กไปไม่ได้ เป็นการกระทำไปไม่ตลอดการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ป่วยทางจิต: การประเมินความสามารถในการรู้ผิดชอบและควบคุมตนเอง
จำเลยยิงผู้ตาย จำเลยมีโรคจิต แต่ยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลจำคุก 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,65วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบุพการี: การที่โจทก์ฟ้องบุพการีตนเองทำให้ไม่มีอำนาจฟ้องในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลักลอบเอาที่ดินของโจทก์ไปออก น.ส. 3 แล้วโอนขายให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิในที่ดิน ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายเมื่อคดีปรากฏว่า จำเลยที่ 1 เป็นมารดาของโจทก์ ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1534(เดิม) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ผู้รับโอนก็ยอมตกไปด้วย เพราะการที่จะวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับโอนได้สิทธิในที่พิพาทหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับสิทธิของจำเลยที่ 1ผู้โอนว่าจำเลยที่ 1 ผู้โอนมีสิทธิในทรัพย์พิพาทเพียงใดหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2096/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้ที่ดิน: จำเลยต้องฟ้องแย้งใหม่เพื่อขอที่ดินคืน แม้จะชำระหนี้ได้
มารดาจำเลยกู้เงินบิดาโจทก์ และมอบที่พิพาทให้บิดาโจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยบิดาโจทก์และมารดาจำเลยต่างถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทโดยมิได้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ โจทก์จึง ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลพิพากษาให้ขับไล่คดีถึงที่สุดแล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกจำเลยมาศาล บังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยมาศาลจำเลยขอชำระต้นเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์และขอที่ดินคืน โจทก์อ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิทำเช่นนั้นขอให้บังคับคดีต่อไปเช่นนี้เมื่อคดีเดิมจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้โจทก์รับเงินและคืนที่พิพาทให้แก่จำเลย ผลคำพิพากษาจึงมีแต่เพียงให้ขับไล่จำเลยออกจาก ที่พิพาท ส่วนการจะขอชำระเงินและขอที่พิพาทคืนนั้น จำเลยจะต้อง ฟ้องโจทก์เป็นคดีขึ้นใหม่แต่อย่างไรก็ดี การที่จะงดการบังคับคดีไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 เป็นอำนาจและ ดุลพินิจของศาลที่จะสั่งตามที่เห็นสมควร ศาลจึงงดการบังคับคดีไว้ ชั่วคราวได้
of 62