คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ผสม จิตรชุ่ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 619 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสัญญาประกันตัวจากการไม่มาศาลและการละเลยหน้าที่ ศาลลดค่าปรับได้หลังยอมความ
ผู้ประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยไปจากศาลมีข้อความว่าถ้าผู้ประกันและจำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของศาลยอมรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ศาลนับแต่ประกันตัวจำเลยไปแล้วผู้ประกันมิได้มาศาลตามนัด โดยมีพฤติการณ์แสดงว่าผู้ประกันไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของตน ในนัดวันที่ 16 พฤษภาคม 2517 ผู้ประกันก็ไม่มาศาล และจำเลยป่วย ศาลจึงเลื่อนคดีไปวันที่ 1 กรกฎาคม 2517 ได้ออกหมายนัดส่งให้ผู้ประกันรับไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16มิถุนายน 2517 ครั้นถึงวันที่ 1 จำเลยกับผู้ประกันก็ไม่มาศาลโดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาล แม้ต่อมาจะปรากฏว่าจำเลยได้ส่งจดหมายและใบรับรองของโรงพยาบาลแสดงว่าจำเลยป่วยไปยังทนายจำเลย และมีหนังสือของนายไปรษณีย์แสดงว่าผู้รับเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2517ก็ตาม แต่ผู้ประกันก็ละเลยต่อหน้าที่ไม่มาศาลและแจ้งข้อขัดข้องที่พึงทราบต่อศาล ดังนี้ เป็นการผิดสัญญาและศาลชอบที่จะสั่งปรับตามสัญญาประกันได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเต็มตามสัญญาประกันแล้ว โจทก์ได้ถอนฟ้องศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลดค่าปรับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสัญญาประกันตัวจากการไม่ปฏิบัติตามนัดหมายของศาล และการลดค่าปรับเมื่อมีการถอนฟ้อง
ผู้ประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยไปจากศาลมีข้อความว่าถ้าผู้ประกันและจำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของศาลยอมรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ศาลนับแต่ประกันตัวจำเลยไปแล้วผู้ประกันมิได้มาศาลตามนัด โดยมีพฤติการณ์แสดงว่าผู้ประกันไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของตน ในนัดวันที่ 16 พฤษภาคม 2517ผู้ประกันก็ไม่มาศาล และจำเลยป่วย ศาลจึงเลื่อนคดีไปวันที่ 1กรกฎาคม 2517 ได้ออกหมายนัดส่งให้ผู้ประกันรับไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16มิถุนายน 2517 ครั้นถึงวันที่ 1 จำเลยกับผู้ประกันก็ไม่มาศาลโดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาล แม้ต่อมาจะปรากฏว่าจำเลยได้ส่งจดหมายและใบรับรองของโรงพยาบาลแสดงว่าจำเลยป่วยไปยังทนายจำเลย และมีหนังสือของนายไปรษณีย์แสดงว่าผู้รับเพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2517ก็ตาม แต่ผู้ประกันก็ละเลยต่อหน้าที่ไม่มาศาลและแจ้งข้อขัดข้องที่พึงทราบต่อศาลดังนี้ เป็นการผิดสัญญาและศาลชอบที่จะสั่งปรับตามสัญญาประกันได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเต็มตามสัญญาประกันแล้ว โจทก์ได้ถอนฟ้องศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจลดค่าปรับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินสวัสดิการข้าราชการ: เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่พิเศษ ไม่ถือเป็นฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
เทศบาลมอบเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าเช่าที่ขายทุเรียนในงานตลาดทุเรียนให้จังหวัด จังหวัดจะนำไปใช้อย่างใดก็ได้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบเงินนี้ให้จำเลยซึ่งเป็นเสมียนตราจังหวัดเก็บรักษาและทำบัญชีไว้ โดยถือว่าเป็นเงินของจังหวัด ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดให้นำเงินนี้เป็นเงินสวัสดิการข้าราชการ เพื่อให้ข้าราชการผู้มีเงินเดือนน้อยของจังหวัดนั้นได้กู้ยืมไปบรรเทาความเดือดร้อน ได้วางระเบียบว่าด้วยเงินสวัสดิการข้าราชการขึ้นและตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาและดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนั้น
จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการทำหน้าที่เหรัญญิก ดังนี้วัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินดังกล่าวนี้หาได้มุ่งหมายใช้จ่ายในทางราชการไม่ แต่เป็นการใช้จ่ายในทางช่วยเหลือข้าราชการเป็นการส่วนตัว อันเป็นกิจการพิเศษซึ่งไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายใดกำหนดไว้และการที่จำเลยมีหน้าที่รักษาและรับจ่ายเงินนี้ก็โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทำหน้าที่เหรัญญิกซึ่งการแต่งตั้งนี้ก็ไม่ต้องอาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายไม่ต้องอาศัยฐานะที่จำเลยเป็นเสมียนตราจังหวัดหรือเป็นข้าราชการในบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัด การที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่นี้จึงมิใช่เป็นการที่เจ้าพนักงานปฏิบัติราชการตามตำแหน่งหน้าที่ราชการเมื่อจำเลยเบียดบังยักยอกเงินดังกล่าวไป จึงถือไม่ได้ว่าเบียดบังยักยอกไปในฐานะเจ้าพนักงาน คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกเงินสวัสดิการข้าราชการ: การพิจารณาฐานความผิดทางอาญา
เทศบาลมอบเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าเช่าที่ขายทุเรียนในงานตลาดทุเรียนให้จังหวัด จังหวัดจะนำไปใช้อย่างใดก็ได้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบเงินนี้ให้จำเลยซึ่งเป็นเสมียนตราจังหวัดเก็บรักษาและทำบัญชีไว้ โดยถือว่าเป็นเงินของจังหวัด ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดให้นำเงินนี้เป็นเงินสวัสดิการข้าราชการเพื่อให้ข้าราชการผู้มีเงินเดือนน้อยของจังหวัดนั้นได้กู้ยืมไปบรรเทาความเดือดร้อน ได้วางระเบียบว่าด้วยเงินสวัสดิการข้าราชการขึ้นและตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาและดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบนั้น
จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการทำหน้าที่เหรัญญิก ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินดังกล่าวนี้หาได้มุ่งหมายใช้จ่ายในทางราชการไม่ แต่เป็นการใช้จ่ายในทางช่วยเหลือข้าราชการเป็นการส่วนตัว อันเป็นกิจการพิเศษซึ่งไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายใดกำหนดไว้และการที่จำเลยมีหน้าที่รักษาและรับจ่ายเงินนี้ก็โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทำหน้าที่เหรัญญิกซึ่งการแต่งตั้งนี้ก็ไม่ต้องอาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายไม่ต้องอาศัยฐานะที่จำเลยเป็นเสมียนตราจังหวัดหรือเป็นข้าราชการในบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัด การที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่นี้จึงมิใช่เป็นการที่เจ้าพนักงานปฏิบัติราชการตามตำแหน่งหน้าที่ราชการเมื่อจำเลยเบียดบังยักยอกเงินดังกล่าวไป จึงถือไม่ได้ว่าเบียดบังยักยอกไปในฐานะเจ้าพนักงาน คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2929/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ผู้รับรองหลักทรัพย์ก่อนบังคับคดีนายประกันเสร็จสิ้น มิชอบ
ค.ทำสัญญาประกันตัวจำเลยต่อศาลโดยว. รับรองหลักทรัพย์ของ ค.ว่าถ้าค. ไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใด ว. ยินยอมใช้ให้จนครบ ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้เงินที่จะนำมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ก็ยังไม่มีทางรู้ได้ว่ายังขาดแน่นอนเท่าใดเมื่อ ค. ผิดสัญญาประกัน ถูกยึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ไปบางส่วนแล้วได้เงินน้อยกว่าค่าปรับมากแม้จะคาดหมายได้จากทรัพย์ที่ถูกยึดมาว่าเมื่อนำออกขายทอดตลาดจะได้เงินไม่เพียงพอชำระค่าปรับ ก็เป็นเพียงคาดคะเนเท่านั้น เมื่อการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายประกันยังไม่เสร็จ ศาลก็จะสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของ ว. ผู้รับรองหลักทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2929/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ผู้รับรองหลักทรัพย์ก่อนบังคับคดีนายประกันเสร็จสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่ชอบ
ค. ทำสัญญาประกันตัวจำเลยต่อศาล โดย ว. รับรองหลักทรัพย์ของ ค. ว่าถ้า ค. ไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใด ว. ยินยอมใช้ให้จนครบ ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้เงินที่จะนำมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ก็ยังไม่มีทางรู้ได้ว่ายังขาดแน่นอนเท่าใดเมื่อ ค. ผิดสัญญาประกัน ถูกยึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ไปบางส่วนแล้วได้เงินน้อยกว่าค่าปรับมากแม้จะคาดหมายได้จากทรัพย์ที่ถูกยึดมาว่าเมื่อนำออกขายทอดตลาดจะได้เงินไม่เพียงพอชำระค่าปรับก็เป็นเพียงคาดคะเนเท่านั้น เมื่อการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายประกันยังไม่เสร็จ ศาลก็จะสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของ ว. ผู้รับรองหลักทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายหลักเขตต้องแสดงถึงการแสดงสิทธิในที่ดินที่แท้จริง การรังวัดชั่วคราวเพื่อทำแผนที่พิพาทไม่ถือเป็นความผิด
การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้นเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง การถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดอันเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาท ไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายหลักเขตต้องแสดงสิทธิในที่ดินชัดเจน การรังวัดชั่วคราวไม่ผิดฐานทำลายหลักเขต
การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้นเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง การถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดอันเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาท ไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ชื่อสินค้าที่คล้ายคลึงกัน ต้องพิจารณาความแตกต่างของรายละเอียดอื่นประกอบ เพื่อวินิจฉัยเจตนาทำให้ประชาชนหลงเชื่อ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) นั้น การเอาชื่อในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้หรือทำให้ปรากฏที่สินค้าจะเป็นผิดก็ต่อเมื่อการใช้ชื่อนั้นเจตนาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น และในการที่จะวินิจฉัยว่าเจตนาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นหรือไม่นั้นจะอาศัยคำซึ่งเปล่งเสียงออกมาอย่างเดียวมิได้ จะต้องพิเคราะห์ตัวอักษรถ้อยคำ และลักษณะอื่นๆ ของชื่อนั้นประกอบด้วย
ชื่อสินค้าของโจทก์มีคำว่า " TASTE modern from U.S.A." ชื่อสินค้าของจำเลยนอกจากมีคำว่า " TASTE" แล้ว ยังมีภาษาไทยว่า" เทสท์ 23 บางลำภู" แสดงว่า เป็นชื่อร้านเทสท์อยู่ที่เลขที่ 23 บางลำพูหาใช่ TASTE ซึ่งเป็น modern from U.S.A. ของโจทก์ไม่ จึงไม่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ชื่อทางการค้าของผู้อื่นต้องมีเจตนาทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าเดียวกัน จึงจะผิดตามกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1) นั้น การเอาชื่อในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้หรือทำให้ปรากฏที่สินค้าจะเป็นผิดก็ต่อเมื่อการใช้ชื่อนั้นเจตนาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น และในการที่จะวินิจฉัยว่าเจตนาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นหรือไม่นั้น จะอาศัยคำซึ่งเปล่งเสียงออกมาอย่างเดียวมิได้ จะต้องพิเคราะห์ตัวอักษรถ้อยคำ และลักษณะอื่นๆ ของชื่อนั้นประกอบด้วย
ชื่อสินค้าของโจทก์มีคำว่า "TASTEMODERNFROM U.S.A." ชื่อสินค้าของจำเลยนอกจากมีคำว่า "TASTE"แล้ว ยังมีภาษาไทยว่า " เทสท์ 23 บางลำภู" แสดงว่า เป็นชื่อร้านเทสท์อยู่ที่เลขที่23บางลำพูหาใช่TASTE ซึ่งเป็น MODERNFROMU.S.A.ของโจทก์ไม่ จึงไม่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของโจทก์
of 62