คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2501)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 ให้ปรับจำเลย 100 บาท ของกลางทั้งหมดให้ริบโจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4,7(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501มาตรา 3,5,8 และกฎกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2501 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ดังนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ดี แต่โทษจำคุกยังไม่เกิน 1 ปีเช่นนี้จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากปรับเป็นจำคุก แม้ไม่เกิน 1 ปี ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ให้ปรับจำเลย 100 บาท ของกลางทั้งหมดให้ริบ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7 ; (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 3, 5, 8 และกฎกระทรวงมหาดไทย(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2501 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ดังนี้ แม้จะเป็นการแก้ไขมากก็ดี แต่โทษจำคุกยังไม่เกิน 1 ปี เช่นนี้ จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและข้อพิพาทเกี่ยวกับประเภทของอาวุธปืนตามกฎหมายอาวุธปืน
ปืนของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2500เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่3 พ.ศ.2501 ออกใช้และรัฐมนตรีได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ปืนชนิดนี้เป็นที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้วเจ้าของก็มิได้นำไปมอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ตามมาตรา10 ปืนนี้จึงเป็นของมีไว้เป็นความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32. จำเลยรับฝากปืนนี้ไว้จากเจ้าของก็ต้องมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่าปืนของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา