พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง หากอุทธรณ์ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินส่วนทางด้านทิศเหนือจากโจทก์ครบกำหนดเช่าและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยไม่ยอมออกเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าทำสัญญาเช่าจากโจทก์ด้านทิศใต้และตรงที่เว้นเป็นทางเข้าออกของที่ดินส่วนทางทิศเหนือ ที่ดินส่วนทางทิศเหนือนั้นจำเลยทำสัญญาเช่าจาก บ. ไม่ได้เช่าจากโจทก์ เป็นเรื่องที่คู่ความโต้เถียงกันว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินส่วนไหนจากโจทก์ ไม่ใช่เรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญา
ศาลอุทธรณ์จะยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นมาวินิจฉัยเองได้ก็ต่อเมื่ออุทธรณ์นั้นเป็นอุทธรณ์ที่จะต้องรับไว้พิจารณาเสียก่อน ถ้าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ทั้งฉบับเสียแล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และแม้ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์จะยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นมาวินิจฉัยเองได้ก็ต่อเมื่ออุทธรณ์นั้นเป็นอุทธรณ์ที่จะต้องรับไว้พิจารณาเสียก่อน ถ้าอุทธรณ์นั้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ทั้งฉบับเสียแล้วศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และแม้ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยก็ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์: การไปอยู่กินกับจำเลยโดยสมัครใจ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานพรากผู้เยาว์
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี ได้เสียกับจำเลย แล้วมีจดหมายชวนจำเลยไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาหาจำเลยแล้วผู้เสียหายกับจำเลยพากันไปอยู่กรุงเทพฯดังนี้ เป็นเรื่องผู้เสียหายสมัครใจไปจากบิดามารดาเองจำเลยไม่ได้พรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดามารดา ไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน การป้องกันเกินกว่าเหตุ และการลดโทษจากประวัติผู้กระทำ
จำเลยเป็นกำนันยิงผู้ตาย 3 นัด เพราะสำคัญผิดว่าผู้ตายจะยิงจำเลย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลลดโทษและลงโทษตาม มาตรา 288,69 ได้ จำเลยมีประวัติดีเด่นในหน้าที่ราชการ ศาลจำคุก 2 ปี รอการลงโทษไว้ 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการรับเงินจากผู้รับจ้างโดยมิชอบ และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร การลงโทษตามกฎหมายอาญา
ข้าราชการกรมชลประทานที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับมอบงานจ้างตัดไม้ในบริเวณที่ทำเขื่อน ไม่มีหน้าที่รักษาเขื่อน ลงชื่อในหนังสือรับมอบงานโดยไม่ได้ไปตรวจสอบงาน แต่ไม่ปรากฏว่าทุจริตต่อไม้และต้นไม้ที่ถูกตัดคงเหลืออยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำไม่ทำให้น้ำเน่าเขื่อน และอ่างเก็บน้ำไม่เสียหาย ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 151,157 แต่เป็นความผิดตาม มาตรา 162 เฉพาะตัวผู้รับเงินจากผู้รับจ้างเป็นทุจริต เป็นความผิดตาม มาตรา 157 สัญญาจ้างทำ 3 คราว 52 ฉบับ เป็นเพียงวิธีการแต่ผู้รับจ้างมีรายเดียวเป็นเจตนาเดียว เป็นความผิดกรรมเดียว
บรรยายฟ้องว่าเจ้าพนักงานรับเงินที่จ่ายแก่ผู้มีชื่อในใบรับเงินไปบางส่วน เพราะโจทก์ไม่รู้ว่าส่วนที่รับไปนั้นเป็นจำนวนเท่าใด ถือเป็นการบรรยายที่ถูกต้องแล้วไม่เคลือบคลุม
พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งข้อหาอื่นแก่ผู้ต้องหา แต่ปรากฏความผิดฐานอื่นในเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดในคราวเดียวกัน ก็ถือได้ว่ามีการสอบสวนความผิดฐานอื่นแล้ว อัยการฟ้องฐานอื่นนั้นได้
ผู้ใช้ให้ทำผิดตาม มาตรา 84 โจทก์ไม่ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ แต่ขอให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุน ก็ลงโทษตาม มาตรา 86 เบากว่าตัวการได้ ไม่ถือว่าต่างกับฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าเจ้าพนักงานรับเงินที่จ่ายแก่ผู้มีชื่อในใบรับเงินไปบางส่วน เพราะโจทก์ไม่รู้ว่าส่วนที่รับไปนั้นเป็นจำนวนเท่าใด ถือเป็นการบรรยายที่ถูกต้องแล้วไม่เคลือบคลุม
พนักงานสอบสวนมิได้แจ้งข้อหาอื่นแก่ผู้ต้องหา แต่ปรากฏความผิดฐานอื่นในเรื่องที่เกี่ยวหรือสืบเนื่องมาจากการกระทำผิดในคราวเดียวกัน ก็ถือได้ว่ามีการสอบสวนความผิดฐานอื่นแล้ว อัยการฟ้องฐานอื่นนั้นได้
ผู้ใช้ให้ทำผิดตาม มาตรา 84 โจทก์ไม่ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ แต่ขอให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุน ก็ลงโทษตาม มาตรา 86 เบากว่าตัวการได้ ไม่ถือว่าต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนที่ดินและค่าดัดแปลง - จำเลยต้องชดใช้ราคาที่ดินเพิ่ม แม้โจทก์ไม่สุจริต
กรณีคืนที่ดินที่ครอบครองตามคำพิพากษาให้คืน จำเลยรับคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ และไม่ปรากฏว่าพ้นวิสัยที่จะทำให้คืนสภาพเดิมได้จำเลยไม่โต้แย้งค่าที่โจทก์ดัดแปลงที่ดินให้ดีขึ้น ไม่ว่าโจทก์สุจริตหรือทุจริต จำเลยก็ต้องใช้ค่าที่ทำให้ที่ดินดีขึ้นนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผัดฟ้อง หากไม่มีการจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหา
มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ที่ห้ามมิให้ผู้ว่าคดีฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามมาตรา 7 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการนั้น หมายความว่าเมื่อมีการจับและควบคุมตัวผู้ต้องหาแล้ว พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบต้องส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังผู้ว่าคดีเพื่อให้ผู้ว่าคดียื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลา 72 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ เมื่อไม่มีการจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหาดังเช่นคดีนี้ จุดเริ่มต้นที่จะนับเวลา 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับย่อมไม่มี และไม่จำต้องขอผัดฟ้องต่อไป กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 9 โจทก์ฟ้องผู้ต้องหาได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นเมื่อทำสัญญาเป็นหนังสือ แม้ตกลงรับราคาแล้วแต่ยังไม่ผูกพัน หากไม่ทำสัญญา ริบเงินมัดจำได้ แต่ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ประกาศประกวดราคาจัดซื้อของ เป็นคำเชิญชวนให้ผู้ที่ประสงค์จะเข้าประกวดราคายื่นซองเสนอหนังสือเสนอราคาที่จำเลยยื่นเป็นคำเสนอ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบว่าตกลงรับราคาที่จำเลยเสนอและให้ไปทำสัญญาเป็นคำสนอง แต่สัญญาซื้อขายยังไม่เกิดขึ้นเมื่อคำบอกกล่าวสนองไปถึงผู้เสนอ สัญญาจะเกิดขึ้นต่อเมื่อโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือตามข้อผูกพันที่ระบุไว้ในประกาศประกวดราคา จำเลยไม่ไปทำสัญญากับโจทก์ตามกำหนดเวลา โจทก์ย่อมมีสิทธิริบเงินมัดจำซองประกวดราคาได้ตามข้อตกลงในประกาศประกวดราคา แต่เมื่อยังไม่มีสัญญาซื้อขายต่อกันจำเลยยังไม่มีความผูกพันตามสัญญาซื้อขายที่จะต้องมอบของให้โจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของจากผู้อื่นแพงกว่าราคาที่จำเลยเสนอเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากข้อตกลงในการประกวดราคา โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: สัญญาต่างตอบแทนการใช้ถนน ไม่ใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลคดีอาญาโดยตรง
ข้อเท็จจริงในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งศาลจำต้องถือตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น คือข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดของอาญาที่ผู้กระทำความผิดจะต้องรับผิดในทางแพ่งโดยอาศัยมูลคดีอาญาในเรื่องนั้น ๆ โดยตรง
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งก่อนคดีอาญา ตั้งประเด็นว่ามีสัญญาต่างตอบแทนในเรื่องการใช้ถนนร่วมกันระหว่างโจทก์จำเลยแต่จำเลยทำผิดสัญญา และกระทำละเมิด จึงขอให้ปฏิบัติตามสัญญาและใช้ค่าเสียหาย ทั้งยื่นคำร้องขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากษาชั้นไต่สวนคำร้อง เมื่อจำเลยเบิกความว่าไม่มีข้อตกลงในการใช้ถนนร่วมกัน โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าเบิกความเท็จในเรื่องนี้ แม้ข้อนำสืบในคดีแพ่งและคดีอาญา จะเป็นเรื่องเดียวกันว่ามีข้อตกลงกันอย่างไรจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เห็นได้ว่ารูปคดีเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งที่ฟ้องโดยอาศัยมูลคดีอาญาโดยตรงไม่ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งก่อนคดีอาญา ตั้งประเด็นว่ามีสัญญาต่างตอบแทนในเรื่องการใช้ถนนร่วมกันระหว่างโจทก์จำเลยแต่จำเลยทำผิดสัญญา และกระทำละเมิด จึงขอให้ปฏิบัติตามสัญญาและใช้ค่าเสียหาย ทั้งยื่นคำร้องขอให้กำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากษาชั้นไต่สวนคำร้อง เมื่อจำเลยเบิกความว่าไม่มีข้อตกลงในการใช้ถนนร่วมกัน โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าเบิกความเท็จในเรื่องนี้ แม้ข้อนำสืบในคดีแพ่งและคดีอาญา จะเป็นเรื่องเดียวกันว่ามีข้อตกลงกันอย่างไรจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เห็นได้ว่ารูปคดีเช่นนี้หาใช่เป็นเรื่องคดีแพ่งที่ฟ้องโดยอาศัยมูลคดีอาญาโดยตรงไม่ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1757-1760/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแย่งการครอบครองที่ดิน: ฟ้องเกิน 1 ปี สิทธิขาด
โจทก์ฟ้องความอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ เมื่อเรื่องที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องที่ฟ้อง เพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ซึ่งไม่ใช่เรื่องอายุความฟ้องร้อง กรณีจึงจะนำมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับหาได้ไม่ โจทก์ต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกินกำหนด 1 ปีแล้ว โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนการครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายน้ำมัน: การตีความราคารวมภาษีและขอบเขตการคิดราคาเพิ่ม
โจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีเดิม จึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ห้ามคู่ความเดียวกันรื้อฟ้องร้องกัน อีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน