คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จันทร์ ระรวยทรง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดฐานชิงทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์ และผลของการไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดในฟ้อง
ต.กระชากกระเป๋าถือของผู้เสียหายที่คล้องไว้ที่ไหล่ขณะเกินอยู่บนทางเท้า เมื่อผู้เสียหายกับพวกร้องขอความช่วยเหลือและวิ่งไล่ตาม ต . วิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามและโยนกระเป๋าทิ้งกลางถนน แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนีไป ดังนี้ ต.มิได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่จะเป็นองค์ประกอบให้เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ รูปเรื่องเป็นเรื่อง ต.ใช้กิริยาฉกฉวยเอากระเป๋าบรรจุทรัพย์ของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ หากแต่โจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: โจทก์ไม่ได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลลงโทษฐานลักทรัพย์ถูกต้อง
ต. กระชากกระเป๋าถือของผู้เสียหายที่คล้องไว้ที่ไหล่ขณะเดินอยู่บนทางเท้า เมื่อผู้เสียหายกับพวกร้องขอความช่วยเหลือและวิ่งไล่ตาม ต. วิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามและโยนกระเป๋าทิ้งกลางถนน แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนีไป ดังนี้ ต. มิได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่จะเป็นองค์ประกอบให้เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์รูปเรื่องเป็นเรื่อง ต. ใช้กิริยาฉกฉายเอากระเป๋าบรรจุทรัพย์ของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ หากแต่โจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์แล้วเกิดการยิงต่อสู้ ศาลตัดสินเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ชิงทรัพย์
คืนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้ว่าได้มีคนร้ายลักกระบือของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับพวกได้ออกติดตามไป ผู้เสียหายกับพวกได้ออกติดตามไปเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร จึงทันจำเลยกับพวกที่ลักกระบือกำลังจูงกระบือไป ผู้เสียหายกับพวกไม่ทราบว่าคนร้ายคนใดมีอาวุธปืนและใช้ยิงมาทางผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายจึงยิงไปทางคนร้าย 1 นัด กระสุนปืนถูกคนร้ายคนหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นจำเลย การใช้กำลังประทุษร้ายได้เกิดขึ้นหลังจากการลักทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากใช้กำลังหลังจากการลักทรัพย์ขาดตอน
คืนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้เสียหายรู้ว่าได้มีคนร้ายลักกระบือของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายกับพวกได้ออกติดตามไปเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร จึงทันจำเลยกับพวกที่ลักระบือกำลังจูงกระบือไป ผู้เสียหายกับพวกไม่ทราบว่าคนร้ายคนใดมีอาวุธปืนและใช้ยิงมาทางผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายจึงยิงไปทางคนร้าย 1 นัด กระสุนปืนถูกคนร้ายคนหนึ่ง ทรายภายหลังว่าเป็นจำเลย การใช้กำลังประทุษร้ายได้เกิดขึ้นหลังจากการลักทรัพย์ได้ขาดตอนไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการรังวัดพื้นที่อาคารเป็นหลัก และผลผูกพันตามคำท้าในคดีรุกล้ำ
โจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากจำเลยร่วมมาปลูกห้องแถว โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง โดยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลูกห้องแถวรุกล้ำที่ดินซึ่งตนเช่าขอให้รื้อถอนไป ชั้นพิจารณาคู่ความท้ายกันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า อาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่เกินกว่า 45 ตารางวาตามสัญญาเช่าหรอไม่ ถ้าเกินจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เกินโจทก์ยอมแพ้ วิธีรังวัดคู่ความตกลงกันให้วัดจากด้านนอกของอาคาร และให้คำนวณเนื้อที่โดยให้จ่าศาลและช่างรังวัดของจำเลยร่วมเป็นผู้รังวัด ผลของการรังวัดปรากฏว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่ตามที่เจ้าพนักงานที่ไปรังวัดคำนวณเนื้อที่ได้ 56.80 ตารางวา ดังนั้น เมื่อคู่ความตกลงให้ถือว่าอาคารของจำเลยเป็นหลักในการรังวัด มิใช่ให้ถือพื้นที่ที่จำเลยเช่าเป็นหลักรังวัด การรังวัดจึงถูกต้องตามคำท้า และเมื่อผลของการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลต้องพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดพื้นที่อาคารเพื่อพิพากษาคดีรุกล้ำที่ดิน โดยใช้ข้อตกลงเรื่องวิธีการรังวัดเป็นหลัก
โจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากจำเลยร่วมมาปลูกห้องแถว โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง โดยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลูกห้องแถวรุกล้ำที่ดินซึ่งตนเช่าขอให้รื้อถอนไปชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่เกินกว่า 45 ตารางวาตามสัญญาเช่าหรือไม่ ถ้าเกินจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เกินโจทก์ยอมแพ้ วิธีรังวัดคู่ความตกลงกันให้วัดจากด้านนอกของอาคาร และให้คำนวณเนื้อที่โดยให้จ่าศาลและช่างรังวัดของจำเลยร่วมเป็นผู้รังวัด ผลของการรังวัดปรากฏว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่ตามที่เจ้าพนักงานที่ไปรังวัดคำนวณเนื้อที่ได้ 56.80 ตารางวา ดังนั้น เมื่อคู่ความตกลงให้ถือตัวอาคารของจำเลยเป็นหลักในการรังวัดมิใช่ให้ถือพื้นที่ที่จำเลยเช่าเป็นหลักรังวัดการรังวัดจึงถูกต้องตามคำท้า และเมื่อผลของการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีศาลก็ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: คดีขับไล่จากอสังหาริมทรัพย์ที่อาจให้เช่าได้ไม่เกิน 5,000 บาท หลังพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518
ฟ้องเรื่องละเมิดว่า จำเลยทั้งสองซึ่งไม่เคยเช่าห้องพิพาทของโจทก์มาก่อน ได้บังอาจร่วมกันบุกรุกเข้ามาในที่ดินชั้นล่างของซากห้องแถวซึ่งถูกไฟไหม้ของโจทก์เพื่อทำการค้า เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ กับมีคำขอบังคับจำเลย ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว หาเคลือบคลุมไม่
การพิจารณาว่าเป็นฎีกาต้องห้ามหรือไม่ ต้องพิจารณาตามกฎหมายซึ่งใช้บังคับในขณะยื่นฎีกา จำเลยยื่นฎีกาในวันที่ 18 เมษายน 2518 อันเป็นเวลาที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ใช้บังคับแล้วเมื่อเป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยในกรณีละเมิดออกจากที่ดินและห้องแถวของโจทก์ ซึ่งตามฟ้องเรียกค่าเสียหายเดือนละ 2,100 บาท จำเลยให้การว่าค่าเสียหายไม่เกินเดือนละ 30 บาท แสดงว่าในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีป้าย กรณีป้ายหลายด้านติดกันแต่แยกอิสระ ป้ายไม่มีภาษาไทยถือเป็นป้ายประเภท (3)
โจทก์ได้แสดงป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์สินค้าบนหลังคาตึก รวม 4 ป้ายโดยติดตั้งในลักษณะกล่องสี่เหลี่ยม มีอักษรภาษาไทยกับอักษรภาษาต่างประเทศปนกันอยู่ 3 ด้านส่วนอีกด้านหนึ่งมีแต่อักษรภาษาต่างประเทศ ไม่มีอักษรภาษาไทย ดังนี้ ป้ายทั้งสี่แม้จะติดต่อกัน แต่อยู่คนละด้าน เครื่องหมายหรืออักษรในแต่ละด้านเป็นอิสระจากกัน หานับเป็นป้ายเดียวกันไม่ ป้ายด้านที่ไม่อักษรภาษาไทยจึงเป็นป้ายประเภท (3) ตามบัญชีอัตราภาษีป้าย ท้ายพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีป้ายตามลักษณะป้ายและการพิจารณาเป็นป้ายแผ่นเดียวหรือไม่
ป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีสี่ด้านติดตั้งไว้บนหลังคาตึก ป้ายทั้งสี่เป็นผืนเดียวติดต่อกัน แต่ก็อยู่คนละด้านเครื่องหมายหรืออักษรในแต่ละด้านเป็นอิสระจากกันไม่นับว่าเป็นป้ายเดียวกันดังนั้นแม้จะมีอักษรไทยในป้ายด้านอื่นๆ แต่เมื่อป้ายที่ 3 ด้านหนึ่งไม่มีอักษรภาษาไทย จึงต้องถือว่าป้ายที่ 3 เป็นป้ายประเภท (3) ตามบัญชีอัตราภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติ ภาษีป้าย พ.ศ.2510

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุความผิดฐานใช้เช็ค - ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
ผู้เสียหายขี่รถจักรยานสามล้อผ่านหน้าบ้านจำเลย จำเลยซึ่งกำลังถือมีดเหน็บเตรียมจะผ่ามะพร้าวอยู่ที่ชานบ้านได้กระโดดเข้าแทงผู้เสียหายถูกที่สีข้างด้านซ้าย ลึกประมาณครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยโกรธเคืองกันมาก่อนเพียงแต่น้องของผู้เสียหายเคยทะเลาะกับบุตรของจำเลย เป็นเหตุให้ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเฉยเมยต่อกันเท่านั้น และเป็นเรื่องตั้งแต่ก่อนที่ผู้เสียหายจะมาอยู่ มีดที่จำเลยใช้ทำร้ายก็เป็นมีดที่จำเลยจะใช้ผ่ามะพร้าว และบาดแผลของผู้เสียหายไม่ฉกรรจ์ แม้ว่าจำเลยจะฟันผู้เสียหายซ้ำอีกแต่ผู้เสียหายหลบทันและยังวิ่งไล่ตามเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีก็เป็นเหตุเกิดโดยกระทันหัน ไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
of 71