พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ผู้รับมรดกเปลี่ยนไป
ช. ฟ้อง ค. ขอแบ่งที่ดินพิพาทคนละครึ่ง ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินแก่ ช. และ ค. เท่าที่ครอบครองอยู่เป็นส่วนสัด คดีถึงที่สุดแล้ว ช. และ ค. ถึงแก่กรรม โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ ช. มาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกของ ค. ให้แบ่งที่ดินพาทคนละครึ่งอีก โดยอ้างว่า ช. มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทร่วมกับ ค. มิได้กล่าวอ้างสิทธิของตนเองต่างหากจาก ข. ดังนี้ ทั้งโจทก์และจำเลยจึงเป็นผู้สืบสิทธิในที่พิพาทมาจาก ช. และ ค. ฟ้องของโจทก์จึงเป็นการรื้อฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกันกับคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดแล้ว เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ในคดีก่อน เหตุที่ยังมิได้มีการแบ่งแยกที่พิพาทตามคำพิพากษาก็เนื่องจาก ช. มิได้นำโฉนดที่ดินไปมอบต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงทำให้การรังวัดที่ดินขัดข้อง ไม่ใช่กรณีที่ ค. มิได้บังคับให้ ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี ดังนั้น แม้จะล่วงพ้นเวลา 10 ปีแล้ว แต่การแบ่งแยกที่พิพาทยังไม่เสร็จ ก็หาทำให้คำพิพากษาในคดีเดิมสิ้นผลบังคับไปไม่
ในคดีก่อน เหตุที่ยังมิได้มีการแบ่งแยกที่พิพาทตามคำพิพากษาก็เนื่องจาก ช. มิได้นำโฉนดที่ดินไปมอบต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จึงทำให้การรังวัดที่ดินขัดข้อง ไม่ใช่กรณีที่ ค. มิได้บังคับให้ ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี ดังนั้น แม้จะล่วงพ้นเวลา 10 ปีแล้ว แต่การแบ่งแยกที่พิพาทยังไม่เสร็จ ก็หาทำให้คำพิพากษาในคดีเดิมสิ้นผลบังคับไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: เฉพาะผู้ใช้เท่านั้นที่รับโทษหนักขึ้น
ปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเท่านั้นผู้อื่นที่ร่วมปล้นไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย ศาลลงโทษตาม มาตรา 340 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผิดนัดชำระหนี้ การบังคับตามสัญญา และผลของการผิดนัด
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายไว้ว่าต้องเสียเงินเพื่อเป็นค่าทำศพ 10,000 บาท ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ส่วนค่าทำศพจะมีอะไรบ้าง จำนวนเงินเท่าใดเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
เมื่อลูกจ้างของจำเลยขับรถด้วยความประมาทแล้ว แม้ผู้ขับรถคันที่ผู้ตายโดยสารมาจะประมาทด้วยก็ตาม จำเลยก็จะยกขึ้นอ้างเพื่อให้ความรับผิดในความเสียหายของจำเลยลดลงหาได้ไม่
เมื่อลูกจ้างของจำเลยขับรถด้วยความประมาทแล้ว แม้ผู้ขับรถคันที่ผู้ตายโดยสารมาจะประมาทด้วยก็ตาม จำเลยก็จะยกขึ้นอ้างเพื่อให้ความรับผิดในความเสียหายของจำเลยลดลงหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยในคดีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การโดยฟังว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี แม้จำเลยจะได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นไว้และอุทธรณ์ต่อมาก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ และพิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จำเลยจะฎีกาว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2519)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: แก้ไขเล็กน้อยค่าเสียหาย, จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ, จำนวนทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 2,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายเป็น 950 บาทเป็นการแก้เฉพาะจำนวนค่าเสียหาย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ.2499 มาตรา 25
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องคดีใหม่โดยโจทก์ต่างจากคดีเดิม แม้ประเด็นคล้ายกัน ไม่ขัดมาตรา 173 วรรคสอง(1)
การที่จำเลยในคดีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา กลับเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนั้นเป็นจำเลยในคดีใหม่ด้วยเรื่องเดียวกัน ก็ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง(1) เพราะโจทก์ในคดีหลังนี้ไม่ใช่โจทก์คนเดียวกันกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องและการยินยอมของจำเลย: ศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนคำฟ้องเพื่อฟ้องบริษัทจำกัด จำเลยแถลงว่าถ้าไม่ฟ้องจำเลยอีกเป็นส่วนตัวก็ไม่ค้าน ศาลก็ใช้ดุลพินิจให้ถอนคำฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการทำนาไม่ได้ แม้ฟ้องครั้งแรกเรียกค่าเสียหายในอนาคตได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อปูนซิเมนต์ออกจากคันนา และตกแต่งหัวคันนาให้เป็นสภาพเดิม ให้จำเลยเปิดช่องน้ำเข้าสู่นาโจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหายที่ทำนาไม่ได้ 1 ปี ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีใหม่เรียกค่าเสียหายที่ทำนาไม่ได้โดยไม่ชัดว่าจำเลยทำละเมิดขึ้นใหม่ ดังนี้ โจทก์เรียกค่าเสียหายในอนาคตในคดีก่อนได้ แต่ไม่เรียก คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ต้องระบุรายละเอียดสำคัญของคดีอาญาเดิม เพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องอายุความได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาคดีก่อน โดยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า "เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2515 ข้าพเจ้าจึงได้ทราบเรื่องว่า จำเลยหมิ่นประมาทข้าพเจ้า" และเบิกความในชั้นพิจารณาว่า "ข้าพเจ้ามารู้แน่ชัดว่าจำเลยร้องเรียนข้าพเจ้าไปยังกรมสรรพากรเอาต้นเดือนมีนาคม 2515" ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถ้าเบิกความไปตามความจริงแล้ว คดีดังกล่าวย่อมขาดอายุความ ดังนี้ ความจริงเป็นอย่างไร โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง ทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วก็ไม่อาจอนุมานเอาได้ นอกจากนั้นเมื่อโจทก์อ้างว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีก่อนโจทก์ก็ต้องบรรยายฟ้องพอให้เห็นความสำคัญนั้นๆด้วย การที่โจทก์กล่าวแต่เพียงว่า ถ้าจำเลยเบิกความตามความจริงแล้ว คดีจะขาดอายุความ โดยมิได้กล่าวให้ปรากฏในคำฟ้องคดีนี้ว่าคดีอาญาคดีก่อนเป็นคดีที่ใครฟ้องใคร ด้วยข้อหาอะไร เช่นนี้ ศาลย่อมไม่อาจพิเคราะห์ได้ว่าวัน เดือน ปี ตามคำเบิกความของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในเรื่องอายุความของคดีอาญาคดีก่อนหรือไม่ ทั้งคำฟ้องของโจทก์จะต้องสมบูรณ์อยู่แล้วโดยศาลไม่จำต้องไปตรวจดูสำนวนคดีอื่นที่โจทก์อ้างถึงเอาเองก่อนฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมธรรม์ประกันภัยหมดอายุแล้วทำสัญญาใหม่ย้อนหลัง สัญญาใหม่ไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ก่อนวันที่เริ่มมีผล
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์สิ้นอายุเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม วันที่ 24 กรกฎาคม เกิดอุบัติเหตุ ต่อมาผู้รับประกันภัยออกกรมธรรม์ประกันใหม่ย้อนหลังไปถึงวันที่ 22 กรกฎาคมผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด