พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: การใช้ก่อนย่อมมีสิทธิเหนือกว่า แม้ผู้ขอจดทะเบียนก่อน
จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าที่จำเลยขอจดทะเบียนในการโฆษณาสินค้าซึ่งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายรวมทั้งสินค้าสีมาก่อนโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิในการขอจดทะเบียนดีกว่าโจทก์แม้เครื่องหมายการค้านั้นเกือบเหมือนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และโจทก์จะยื่นคำขอจดทะเบียนก่อนก็ตาม
โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้จำเลยเสียหายเพราะทำให้ผู้ซื้อสินค้าเข้าใจผิดว่าสินค้าของโจทก์เป็นสินค้าสีของจำเลย จึงเป็นการทำละเมิดต่อจำเลยและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้จำเลยเสียหายเพราะทำให้ผู้ซื้อสินค้าเข้าใจผิดว่าสินค้าของโจทก์เป็นสินค้าสีของจำเลย จึงเป็นการทำละเมิดต่อจำเลยและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093-3094/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: สัญญาขายฝากเป็นโมฆะ หากมีเจตนาซ่อนเร้นการกู้เงิน
โจทก์ทำสัญญาขายฝากแก่จำเลย โดยโจทก์ยังไม่ได้รับเงินเป็นการอำพรางนิติกรรมการกู้เงินที่จะกู้เป็นงวด ๆ ในจำนวนใกล้เคียงกับจำนวนเงินในสัญญาขายฝาก สัญญาขายฝากจึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมสัญญากู้เงินตามงวดที่ถูกอำพรางไว้เป็นอันใช้บังคับได้ แม้การกู้เงินบางงวดมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ย่อมถือได้ว่า เอกสารการขายฝากเป็นนิติกรรมสัญญากู้เงินที่ทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อนิติกรรมขายฝากเป็นโมฆะ จำเลยชอบที่จะคืนทรัพย์ตามสัญญาขายฝากและรับเงิน จำนวนที่ให้กู้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ และข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ อันมีค่าเช่าเดือนละห้าร้อยบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของนางล้อมนางล้อมมอบให้จำเลยดูแลแทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์แม้ต่อมาศาลชั้นต้นให้เรียกนางล้อมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของโจทก์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยร่วมไม่ฎีกา ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีขับไล่ที่จำเลยร่วมไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ อันมีค่าเช่าเดือนละห้าร้อยบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของนางล้อมนางล้อมมอบให้จำเลยดูแลแทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์แม้ต่อมาศาลชั้นต้นให้เรียกนางล้อมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของโจทก์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยร่วมไม่ฎีกา ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการจำหน่ายคดีและการแสดงเจตนาดำเนินคดีของโจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องจำหน่ายคดี
โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7วัน นับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี
โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7วัน นับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: การตัดสายห้ามล้อรถยนต์ ไม่ถึงขั้นร้ายแรงพอที่จะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้
การที่จำเลยตัดสายห้ามล้อรถยนต์เพื่อมิให้โจทก์ออกจากบ้านยังห่างไกลต่อการที่จะฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายโจทก์ และแม้โจทก์จำเลยทะเลาะกันเป็นประจำก็ฟังไม่ได้ว่าเป็นการร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงใหม่หลังรับสารภาพ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานว่าจำเลยมีความผิดและลงโทษตามฟ้องโจทก์โดยจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกข้อหาซึ่งมีข้อหาฐานมีลูกระเบิดไว้ในความครอบครองรวมอยู่ด้วยเช่นนี้ การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าลูกระเบิดไม่มีดินระเบิดและเชื้อปะทุจำเลยย่อมไม่มีความผิดข้อหามีลูกระเบิดจึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ซึ่งมิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามฟ้องแล้วศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบโจทก์เกี่ยวกับรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางหรือสืบพยานผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางอีกต่อไป
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามฟ้องแล้วศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจสั่งให้ศาลชั้นต้นสอบโจทก์เกี่ยวกับรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางหรือสืบพยานผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2876/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ว่าการอ้างส่งพยานเอกสารของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่มิได้กล่าวไว้ชัดแจ้งในอุทธรณ์ว่าเอกสารที่โจทก์อ้างส่งไม่ชอบนั้นเป็นเอกสารอะไร ฉบับใดส่งเมื่อใด เมื่อปรากฏว่าโจทก์อ้างและส่งเอกสารถึง 138 ฉบับทั้งส่งต่อศาลหลายครั้ง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2876/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ว่าการอ้างส่งพยานเอกสารของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่มิได้กล่าวไว้ชัดแจ้งในอุทธรณ์ว่าเอกสารที่โจทก์อ้างส่งไม่ชอบนั้นเป็นเอกสารอะไรฉบับใดส่งเมื่อใด เมื่อปรากฏว่าโจทก์อ้างและส่งเอกสารถึง 138 ฉบับทั้งส่งต่อศาลหลายครั้ง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การชำระหนี้ด้วยเช็คไม่ตรงตามสัญญา ผู้ซื้อผิดสัญญา
สัญญาจะซื้อขายระบุว่าผู้ซื้อจะนำเงินสดไปชำระในวันนัดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินครั้นถึงวันนัดโอนผู้ซื้อสั่งจ่ายเช็คเงินสดไปชำระ ผู้ขายไม่ยอมรับและไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ถือได้ว่าผู้ซื้อไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญา ผู้ซื้อจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบมัดจำได้
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้ทำเป็นหนังสือเพียงแต่แสดงเจตนาต่อกันก็สมบูรณ์แล้วหนังสือบอกเลิกสัญญาที่จำเลยมอบอำนาจให้บุตรจำเลยบอกเลิกและส่งให้โจทก์มีลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย โดยไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพอถือได้ว่าจำเลยแสดงเจตนาเลิกสัญญาแก่โจทก์แล้ว
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้ทำเป็นหนังสือเพียงแต่แสดงเจตนาต่อกันก็สมบูรณ์แล้วหนังสือบอกเลิกสัญญาที่จำเลยมอบอำนาจให้บุตรจำเลยบอกเลิกและส่งให้โจทก์มีลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย โดยไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพอถือได้ว่าจำเลยแสดงเจตนาเลิกสัญญาแก่โจทก์แล้ว