คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย ทรัพยวณิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2288/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือ หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เจ้าหนี้ไม่อาจเรียกร้องค่าเช่าหรือค่าเสียหายได้
เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ค่าเช่าตึกแถวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อของลูกหนี้ผู้เช่า ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 หาได้ไม่ และจะอ้างว่าขอรับชำระหนี้เป็นค่าเสียหายก็ไม่ได้เพราะลูกหนี้มิได้เข้าไปอยู่หรือใช้ประโยชน์ในตึกแถวของเจ้าหนี้โดยการทำละเมิดต่อเจ้าหนี้ ลูกหนี้จึงไม่จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแต่อย่างได

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมในที่ดินจัดสรร: ถนนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรตกอยู่ในภารจำยอม แม้กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ขาย
ผู้จัดสรรที่ดินได้ซื้อที่ดินจากจำเลยมาทำการปรับปรุงจัดสรรเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป โดยทำถนนพิพาทขึ้นในที่จัดสรรนั้นด้วย ถือได้ว่าถนนพิพาทเป็นสาธารณูปโภค ซึ่งผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินต้องตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรรตามนัยแห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคแรก และข้อ 32 แม้ว่าถนนดังกล่าวยังมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมในที่ดินจัดสรร: ถนนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรตกอยู่ในภารจำยอม แม้เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังคงเป็นผู้เดิม
ผู้จัดสรรที่ดินได้ซื้อที่ดินจากจำเลยมาทำการปรับปรุงจัดสรรเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป โดยทำถนนพิพาทขึ้นในที่จัดสรรนั้นด้วย ถือได้ว่าถนนพิพาทเป็นสาธารณูปโภค ซึ่งผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดิน ต้องตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรรตามนัยแห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคแรก และข้อ 32 แม้ว่าถนนดังกล่าวยังมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956-1958/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินต้องฟ้องภายใน 1 ปี แม้จำเลยสละข้อต่อสู้เรื่องอายุความ ศาลก็วินิจฉัยได้
การฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองจะต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่ง การครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง ซึ่งกำหนดเวลานี้ไม่ใช่อายุความ ถึงแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ดังนั้น แม้เดิมจำเลยจะให้การ ต่อสู้สนเรื่องอายุความไว้ แต่จำเลยก็ได้สละข้อต่อสู้เรื่องอายุความนี้เสียซึ่งมีผลเท่ากับจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956-1958/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินมีกำหนดเวลาฟ้อง 1 ปี แม้จำเลยสละข้อต่อสู้เรื่องอายุความ ศาลยังวินิจฉัยได้
การฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองจะต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง ซึ่งกำหนดเวลานี้ไม่ใช่อายุความถึงแม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ดังนั้น แม้เดิมจำเลยจะให้การต่อสู้ในเรื่องอายุความไว้ แต่จำเลยก็ได้สละข้อต่อสู้เรื่องอายุความนี้เสียซึ่งมีผลเท่ากับจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้น วินิจฉัยได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินยังคงมีผล แม้จะเกิดเพลิงไหม้อาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินนั้น และจำเลยไม่ได้บอกเลิกสัญญา
แม้อาคารของโจทก์ที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าจากจำเลยจะถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดก็ตาม ก็ไม่มีเหตุที่จะทำให้สัญญาเช่าที่ดินระงับสิ้นไป
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 นำที่ดินที่โจทก์เช่าไปให้จำเลยที่ 3 เช่าอีก ทับที่เช่าโจทก์ดังนี้ แสดงว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับการเช่าของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมตัดสิทธิทายาทโดยธรรม: ผู้ถือหุ้นบริษัท ส. มีสิทธิรับมรดก ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสีย
พินัยกรรมข้อ 1 ระบุว่า เจ้ามรดกยกอสังหาริมทรัพย์สังหาริมทรัพย์ เงินสดทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งสิทธิทั้งหลายให้แก่ผู้มีชื่อถือหุ้นในบริษัท ส. ผู้ร้องไม่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ส. ถึงแม้จะเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ก็ต้องถือว่าถูกตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรมดังกล่าว และตามพินัยกรรมข้อ 4 ที่ให้นำเงินปันผลไปทำบุญทำทานและเกื้อกูลบุตรหลานที่ไม่มีชื่อถือหุ้นในบริษัท ส. ก็มิใช่เป็นเรื่องกำหนดให้บุตรหลานที่ไม่มีชื่อถือหุ้นมีสิทธิได้รับมรดกแต่ประการใด จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียในกองมรดก ดังนั้น ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมตัดสิทธิทายาทโดยธรรม: ผู้ถือหุ้นบริษัทส.เท่านั้นที่ได้รับมรดก ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกร้อง
พินัยกรรมข้อ 1 ระบุว่า เจ้ามรดกยกอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ เงินสดทรัพย์อื่น ๆ รวมทั้งสิทธิทั้งหลาย ให้แก่ผู้มีชื่อถือหุ้นในบริษัท ส. ผู้ร้องไม่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ส. ถึงแม้จะเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ก็ต้องถือว่า ถูกตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรมดังกล่าว และตามพินัยกรรมข้อ 4 ที่ให้นำเงินปันผลไปทำบุญทำทานและเกื้อกูลบุตร หลานที่ไม่มีชื่อถือหุ้นในบริษัท ส. ก็มิใช่เป็นเรื่องกำหนดให้บุตรหลานที่ไม่มีชื่อถือหุ้นมีสิทธิได้รับมรดกแต่ประการใด จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้ส่วนเสียในกองมรดก ดังนั้น ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คไม่ครบตามจำนวน แม้ชำระบางส่วนหลังปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ยังถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ภายหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วจำเลยจึงชำระเงินให้โจทก์ แต่ไม่ครบตามจำนวนเงินในเช็คพิพาท คดีจึงไม่เลิกกันตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 5 วรรคสาม และไม่เป็นผลที่จะทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาขอรอการลงโทษได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด 2 กระทง รวมโทษแต่ละกระทงและลดแล้วคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1,500 บาทรอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ดังนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
of 86